ข่าวดี !! บริษัท Merck ค้นพบยาต้านโควิดขนานแรกของโลกแล้ว

ข่าวดี !! บริษัท Merck ค้นพบยาต้านโควิดขนานแรกของโลกแล้ว
 
นับจากไวรัสโคโรนาลำดับที่เจ็ด ได้ก่อให้เกิดโรคโควิดเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว โดยพบผู้ป่วยรายแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562
 
จนในปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อนับร้อยล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 2 ล้านคนและในปัจจุบัน เรายังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคโควิดได้โดยตรง
 
 
 
ไวรัสกำลังทำลายเซลล์ กล่าวคือยังไม่มียาแม้แต่ขนานเดียว ที่สามารถต้านไวรัสได้ มีเพียงแต่การใช้ยาเก่า ที่เราใช้รักษาโรคอื่นๆเอามาทดลองรักษาประทังไปก่อน
 
และมีการวิจัยพัฒนา จนได้วัคซีนหลายชนิด ที่สามารถใช้ป้องกันโรคในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ แต่วัคซีนก็ไม่สามารถทำการรักษาหรือต่อต้านไวรัสที่เกิดติดเชื้อทำให้เกิด
อาการป่วยแล้วได้
 
จากการรอคอยข่าวดีว่า เมื่อไหร่จะมีการประกาศความสำเร็จ ค้นพบยารักษาโรคโควิดหรือยาต้านไวรัสก่อโรคโควิดเสียที
 
 
ขณะนี้ก็มีข่าวดีมากว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกคือ Merck ได้ค้นพบยารักษาโควิดดังกล่าวแล้ว
 
ถือเป็นยาขนานแรกหรือตำรับแรกของโลกในการที่สามารถต่อต้านไวรัสได้ คือ ยา Molnupiravir
 
โดยเป็นรายงานการวิจัยเฟส 2a ของยา Molnupiravir ซึ่งเป็นยาเม็ด เก็บรักษาง่ายที่อุณหภูมิห้อง ไม่ต้องแช่ตู้เย็น และรับประทานเพียงครั้งละหนึ่งเม็ด วันละสองครั้ง 
ต่อเนื่องกันเพียงห้าวัน
 
จากการศึกษาวิจัยในเฟส 2a ในอาสาสมัครจำนวน 202 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยนอก ที่มีอาการไข้หรืออาการทางเดินหายใจร่วมกับการตรวจ PCR เป็นบวก
 
โดยแบ่งกลุ่มอาสาสมัครดังกล่าวออกเป็นสามกลุ่ม ได้แก่
 
กลุ่มแรกให้ยาขนาด 200 มิลลิกรัม โดยมีการแบ่งกลุ่มย่อย เป็นได้รับยาจริงและยาหลอกในสัดส่วนเท่ากันหนึ่งตอนหนึ่ง
กลุ่มที่สองได้รับยาขนาด 400 มิลลิกรัม และแบ่งเป็นสองกลุ่มย่อย ระหว่างกลุ่มที่ได้ยาจริงและยาหลอกในสัดส่วนสามต่อหนึ่ง
กลุ่มที่สามได้รับยาขนาด 800 มิลลิกรัม และแบ่งเป็นสองกลุ่มย่อย ได้รับยาจริงต่อยาหลอกในสัดส่วนสามต่อหนึ่ง
 
และทำการติดตามผู้ป่วยทั้งหมดในวันที่ 3,5,7,14 และ 28
 
โดยทำการสวอป(Swab)สารคัดหลั่งจากบริเวณลำคอหลังโพรงจมูก เพื่อไปตรวจหาไวรัสด้วยวิธี PCR และทำการเพาะเลี้ยงเชื้อด้วย
โดยพบว่า ยาสามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี ในกลุ่มที่ได้รับยาจริงครบห้าวัน ตรวจไม่พบไวรัสเลยทั้ง 47 ราย
 
ในขณะที่ยังคงพบเชื้อไวรัสถึง 24% คือ 6 รายใน 25 ราย แม้ผ่านไปแล้วถึง 10 วันก็ตาม และการตรวจพบนั้นเป็นการพบที่เป็นไวรัสที่ยังสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวน
ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ คือ เป็นการเพาะเลี้ยงเชื้อไวรัส
 
 
นอกจากนั้นผลจากการศึกษาวิจัยดังกล่าว พบว่าผู้ที่ได้รับยาจริงทุกราย ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง หรือผลกระทบทางลบจากยาแต่อย่างใด
 
 
นับเป็นข่าวดีมาก เพราะในปัจจุบันนี้ เมื่อมีผู้ป่วยโควิด การรักษาทำได้เพียงแต่การให้ยาเด็กซ่าเมธาโซน (Dexamethasone) การให้ค็อกเทลภูมิต้านทาน และการให้ยา
ต้านไวรัสชนิดอื่นซึ่งพอจะนำมาใช้รักษาประคับประคองร่วมด้วย ซึ่งก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง
 
คาดว่าเมื่องานวิจัยนี้ ได้เดินหน้าต่อไป ซึ่งจะทำการวิจัยเฟส 2/3 ซึ่งน่าจะทราบผลในเดือนพฤษภาคม 2564 นี้
 
จะทำให้เรามียารักษาโรคโควิดโดยตรงเสียที ทำนองเดียวกับเรามียา Tamiflu ในการรักษาไข้หวัดใหญ่
 
มนุษยชาติก็จะพ้นจากภาวะวิกฤตการระบาดของโรค เนื่องจากเรามีทั้งสองอย่างคือ 
1) มีวัคซีนสำหรับป้องกันไม่ให้คนเป็นโรค หรือป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ
2) มียาต่อต้านไวรัส สำหรับคนที่ติดเชื้อไปแล้ว ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่มีอาการ ก็สามารถที่จะกำจัดเชื้อไวรัสออกจากคนป่วยได้
 
จึงต้องติดตามข่าวดีนี้ต่อไป ให้งานวิจัยเสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว
 
ทั้งนี้บริษัท Merck ยังมียาอีกตัวหนึ่งซึ่งอยู่ในระหว่างการทำวิจัยด้วยเช่นกันกัน คือ เอ็มเค-711
 
หลังจากที่บริษัทต้องประสบความล้มเหลว ประกาศยกเลิกการทำวิจัยพัฒนาวัคซีนถึงสองชนิดด้วยกัน ก็กลับมาสามารถประกาศข่าวดีคือค้นพบยาต่อต้านไวรัสขนาน
แรกของโลกได้
 
 
 
 

ที่มา : ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย

 

Visitors: 1,216,561