โจ ไบเดน กับภารกิจรับมือโควิด-19
โจ ไบเดน กับภารกิจรับมือโควิด-19
ไบเดนเตรียมตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญ 12 คนรับมือโควิดทันทีจันทร์นี้ ภาพรวมนโยบายที่จะเกิดขึ้น ภายหลังชัยชนะในศึกเลือกตั้งสหรัฐ 2020
ชัยชนะเหนือรัฐเพนซิลวาเนียอย่างเป็นทางการส่งผลให้ โจ ไบเดน ก้าวมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐ พร้อมทั้งได้รับคะแนนเสียง Popular vote มากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยคะแนนกว่า 74 ล้านเสียง
ต้องยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่ผลักดันคนอเมริกันออกมาใช้สิทธิมากมายเพื่อเลือกไบเดนและพรรคเดโมเเครตก็คือผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อชีวิต หลายครอบครัวต้องสูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ รวมถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่แย่ไม่แพ้กัน
ด้วยผู้ติดเชื้อที่พึ่งจะทะลุ 10 ล้านคน ผู้เสียชีวิตกว่า 243,000 คนรวมถึงผู้ติดเชื้อรายวันที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 100,000 คนจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชั้นดีให้กับไบเดนและทีม
รายงานล่าสุดไบเดนกำลังฟอร์มทีมผู้เชี่ยวชาญขึ้นมาใหม่โดยมี 12 ผู้เชี่ยวชาญซึ่งหลายคนล้วนเป็นทีมงานเดิมที่ช่วยกันผลักดันนโยบายทางสาธารณสุขสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยจะมีประกาศอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่พิธีสาบานตนจะมาถึงในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า
และคาดว่าเรื่องด่วนที่ไบเดนจะทำตอนนี้มี 3 ประเด็นหลักๆด้วยกันครับ
1. เพิ่มกำลังการตรวจหาผู้ติดเชื้อให้มากขึ้น
อาศัยการเพิ่มจำนวนสถานที่ตรวจแบบ drive-through ให้ได้มากกว่าปัจจุบัน 2 เท่า และลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆในการตรวจหาผู้ติดเชื้อ เช่น ชุดตรวจที่สามารถตรวจได้เองที่บ้านซึ่งจะง่ายและลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด
2. ฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อวิทยาศาสตร์และการแพทย์
ในสมัยทรัมป์เราจะเห็นข่าวการระหองระแหง ตั้งแง่ไม่เชื่อมั่นต่อหลักการและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ บ่อยครั้งก็โต้เถียงกับผู้เชี่ยวชาญหลายๆคน
ไบเดนให้คำมั่นว่าเขาจะสื่อสารกับประชาชนอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาและอยู่บนหลักการของวิทยาศาสตร์และเตรียมขอคำแนะนำจากกรมควบคุมโรค (CDC) ว่าควรปรับเปลี่ยนการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างไรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น เมื่อไหร่ควรเปิด ควรปิด หรือควรมีมาตรการคุมเข้มเพียงใดสำหรับสถานศึกษาต่างๆ รวมไปถึงห้าง ร้านและสถานบันเทิง ซึ่งคาดว่าจุดนี้เราจะได้เห็น Action และมาตรการใหม่ๆถูกผลักดันดำเนินการมากขึ้น
3. สนับสนุนให้ทุกคนได้รับวัคซีนอย่างเท่าเทียมและฟรี
คณะทำงานวางแผนอัดฉีดงบลงทุนอีก 25 พันล้านดอลลาร์ในกระบวนการผลิตวัคซีนและกระจายไปอย่างเท่าเทียม ซึ่งให้คำมั่นว่าทุกอย่างจะต้องฟรีสำหรับชาวอเมริกัน นอกจากนี้จะดำเนินนโยบายการเมืองไม่ให้มีอิทธิพลต่อผลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง สามารถเข้าถึงข้อมูลการวิจัยได้อย่างสาธารณะเปิดเผยเพื่อให้ทุกคนมั่นใจ
เพราะปัญหาหนึ่งที่ไบเดนต้องเจอแน่ๆถึงแม้ในอนาคตจะมีวัคซีนออกมาพร้อมใช้ก็คือกลุ่มต่อต้านวัคซีนและความไม่เชื่อมั่นต่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นปัญหาปวดหัวที่มีมาช้านาน ถ้าดูข้อมูลระดับโลกอัตราการยอมรับวัคซีนยังต่ำกว่าในหลายประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา
โพลเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาของ STAT เว็บไซต์ข่าวสารทางสาธารณสุขพบว่า ชาวอเมริกันร้อยละ 58 ต้องการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทันทีเมื่อมีวัคซีนอย่างเป็นทางการ โดยลดลงจากช่วงเดือนสิงหาคมซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 69
เป็นความท้าทายที่ไบเดนต้องเจออย่างแน่นอนครับ เพราะการจะหยุดโรคระบาดได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยวัคซีนเพื่อให้โลกมีภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะกับประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของโลกอย่างสหรัฐ
ในระหว่างช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจนี้นับว่าเป็นช่วงสำคัญอย่างยิ่ง งานหลายอย่างทีมงานของประธานาธิบดีคนใหม่ได้เริ่มดำเนินไปแล้ว เนื่องจากการติดเชื้อเป็นเรื่องที่รอไม่ได้และแนวโน้มการระบาดก็ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าเราจะได้เห็นความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้าครับ
แล้วเรามาติดตามกันอีกครั้ง เพราะ "Game changer" ของสถานการณ์ตอนนี้อาจหมายถึงตัว " ผู้นำ " ที่เปลี่ยนไปก็ได้ครับ
References :
ที่มา : ไดอารี่หมอยา https://www.blockdit.com/articles/5fa7683daa28de0cbb29a6de/#
|