ยารักษาโควิด-19 ที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันคืออะไร ที่คณะแพทย์ตัดสินใจนำมาใช้กับประธานาธิบดีทรัมป์

ยารักษาโควิด-19 ที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันคืออะไร ที่คณะแพทย์ตัดสินใจนำมาใช้กับประธานาธิบดีทรัมป์
 
ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกิดติดเชื้อไวรัสโคโรนา และเริ่มแสดงอาการอยู่ในระดับปานกลาง(Moderate)
คือจำเป็นต้องให้ออกซิเจน เนื่องจากระดับออกซิเจนในเลือดลดลงจนต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ ทำให้ต้องเร่งนำตัวเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล Walter Reed Medical Center
 
โรงพยาบาล Walter Reed
 
ซึ่งจัดว่าเป็นโรงพยาบาลระดับแนวหน้าชั้นนำ โดยมีทีมแพทย์คุณภาพสูง และมียาตลอดจนเวชภัณฑ์อุปกรณ์ทุกชนิดเพียบพร้อมนั้น ลองมาติดตามกันดูนะครับว่าประธานาธิบดีจะได้รับการดูแลรักษาด้วยยาอะไรกันบ้าง ซึ่งเชื่อได้ว่าจะต้องเป็นยาที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
1) ภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันแบบผสมผสาน(Antibody Cocktail)
2) ยาต่อต้านการเพิ่มจำนวนของไวรัส
(Remdesivir)
3) ยาต้านการอักเสบที่เรียกว่า สเตียรอยด์
(Steroid)
4)ออกซิเจน(Oxygen)
5) ยาป้องกันกรดไหลย้อนและรักษาแผลในกระเพาะ (Famotidine) ซึ่งรักษาโควิดได้ด้วย
6) ยาอย่างอื่น ซึ่งเป็นยาประจำตัวอยู่เดิม
 
หนึ่ง ภูมิต้านทานแบบผสมผสาน
เนื่องด้วยประธานาธิบดีเริ่มมีปัญหาปอดทำงานได้ไม่ปกติ รับทราบจากการแถลงว่า ระดับออกซิเจนในกระแสเลือด(Oxygen Saturation)ของประธานาธิบดีลดลงต่ำกว่าปกติ คือ ลงมาอยู่ที่ 93-94% ซึ่งคนปกติจะต้องมากกว่า 95% จึงต้องรีบให้การรักษาด้วย ภูมิต้านทานชนิดเดี่ยว(Monoclonal Antibody) 2 ชนิดพร้อมกัน จึงเรียกว่า
 
ภูมิต้านทานแบบผสมผสาน(Antibody Cocktail) ซึ่งภูมิต้านทานดังกล่าวนี้ สามารถจับกับไวรัสในส่วนที่เป็นหนาม(Spike Protein) ทำให้ไวรัสไม่สามารถเกาะเซลล์ปอดได้ จะได้ไม่เกิดการทำร้ายเซลล์ปอดจนเกิดปอดอักเสบ (จริงๆแล้ว จะป้องกันได้ทุกอวัยวะ)
คณะแพทย์ตัดสินใจให้ยาในขนาดสูงคือ 8 กรัม โดยฉีดเข้าเส้นเลือดดำ (ในงานวิจัยพบว่ายาขนาด 2.4 กรัมก็ได้ผลแล้ว)
 
ยา Remdesivir
 
สอง ยาป้องกันการเพิ่มจำนวนของไวรัส (Remdesivir)
ซึ่งออกฤทธิ์ขัดขวางการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนสารพันธุกรรมของไวรัส ทำให้ไวรัสเพิ่มจำนวนมากขึ้นไม่ได้ ร่างกายจะได้มีเวลาเพียงพอในการต่อสู้กับไวรัสจำนวนที่ไม่มากนัก ยาตัวนี้เคยนำมาใช้รักษาไวรัสตับอักเสบซีและอีโบล่ามาก่อนแล้ว แต่สำหรับการใช้รักษาโควิด19 ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้อย่างเป็นทางการ มีแต่เพียงคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (USFDA) อนุญาตให้ใช้ในสถานการณ์พิเศษคือสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น (Emergency Use Authorization)
 
ยา Dexamethasone
 
สาม ยาออกฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ (Steroid) ในที่นี้ใช้ยาชื่อ เด็กซ่าเมธาโซน (Dexamethasone) เนื่องจากพบว่าผู้ป่วย
โควิด-19 จำนวนมาก ไม่ได้เสียชีวิตจากไวรัสโดยตรง หากแต่อวัยวะต่างๆถูกทำลายหรือมีการอักเสบจากสารที่ร่างกายสร้างออกมา(Cytokines strom)เพื่อต่อสู้กับไวรัส จนเกิดการอักเสบรุนแรง และเด็กซ่าเมธาโซนจะมาต่อต้านกระบวนการการอักเสบดังกล่าว
 
 
สี่ ออกซิเจน(Oxygen) มีรายงานว่าท่านประธานาธิบดีมีอาการหายใจเหนื่อยและลำบาก ตรวจพบระดับออกซิเจนในเลือดลดลงอย่างรวดเร็วจนต้องย้ายไปรักษาตัวในโรงพยาบาล จึงจำเป็นต้องให้ออกซิเจนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
 
ยา Famotidine
 
ห้า Famotidine(Pepcid) ยาลดกรดไหลย้อนหรือรักษาแผลในกระเพาะอาหาร แต่ขณะเดียวกันก็มีงานวิจัยว่ายาตัวนี้สามารถช่วยรักษาโควิด-19 ได้ด้วย แต่ยังวิจัยไม่เสร็จสิ้น จึงยังไม่ชัดเจนว่าประธานาธิบดีได้รับยาดังกล่าวเพื่อรักษาโควิด-19 หรือรักษาโรคกระเพาะที่มีอยู่เดิม
 
ยาแอสไพริน
 
หก ยาอื่น ซึ่งน่าจะไม่เกี่ยวกับโควิด-19 แต่ประธานาธิบดีได้รับอยู่ก่อนแล้ว เช่น แอสไพริน(Aspirin) เพื่อป้องกันการจับตัวของเกร็ดเลือด มักใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจ สังกะสี(Zinc) วิตามินดี เมลาโทนิน (Melatonin) เพื่อดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
 
เมลาโทนิน
 
สรุปในภาพรวมแล้ว ประธานาธิบดีได้รับการรักษาดังนี้
1) รักษาระดับออกซิเจนในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยการให้ออกซิเจน
2) ป้องกันไม่ให้ไวรัสทำอันตรายต่อปอดและอวัยวะอื่นๆโดย
2.1 ใช้ Antibody Cocktail สกัดกั้นไวรัสไม่ให้ไปเกาะเซลล์ปอดได้
2.2 ใช้ Remdesivir เพื่อไม่ให้ไวรัสแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นมาทำร้ายอวัยวะต่างๆ
2.3 ใช้ Dexamethasone เพื่อลดการอักเสบ โดยควบคุมป้องกันไม่ให้ร่างกายสร้างสารต่างๆ(Cytokines) มาต่อสู้กับไวรัสจนเกิดการอักเสบมากเกินไป จนเป็นผลเสียกับอวัยวะตัวเอง
3) ดูแลโรคประจำตัวและสภาวะสุขภาพอื่นๆให้แข็งแรงพอที่จะสู้กับไวรัส
จะเห็นได้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้รับการดูแลรักษาโดยใช้ยาหลากหลายชนิดที่ถือได้ว่าดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ ยาบางตัวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ได้เป็นการทั่วไป เนื่องจากยังไม่เสร็จสิ้นการวิจัยทดลองที่ครบถ้วนสมบูรณ์ จนมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิผล
และประธานาธิบดีเองก็มีความเสี่ยงหลายประการ เนื่องจากมีอายุมาก(74ปี) มีโรคประจำตัวคือ โรคอ้วน(BMI 30.5) และคาดว่ามีโรคหัวใจร่วมด้วย
 
คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า ผลการรักษาด้วยยาที่ดีที่สุด แต่ยังไม่ได้ผ่านขั้นตอนการวิจัยที่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น ผลจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง
 
Reference
 
ที่มา : ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย
Visitors: 1,380,181