ชวนฟัง 5 บทเพลง เข้ากับวันคุ้มครองโลก - 22 เมษายน วัน Earth Day

เนื่องในวันคุ้มครองโลก - 22 เมษายน วัน Earth Day  ถือเป็นวันที่กำหนดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นให้ผู้คนดำเนินการต่าง ๆ เพื่ออนุรักษ์ ปรับปรุง และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของโลก ปัจจุบันปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเป็นพิษได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว  ยิ่งในยุคนี้ ปัญหา Climate Change รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ในแง่ของศิลปะแล้ว  ,  -  “ถ้าเพลงเป็นกระจกสะท้อนยุคสมัย โลกกำลังขอให้เราฟังให้ลึกกว่าที่เคย” หากเรากำลังอยู่ในโลกที่ร้อนขึ้น ละลายเร็วขึ้น และเงียบลงทุกวัน สัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ ป่าถูกกลืนหายไปกับถนนคอนกรีต อากาศที่เราหายใจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงมากกว่าความจำเป็น

แต่สิ่งที่ "ดังขึ้น" แทนกลับกลายเป็นเสียงจากศิลปิน – ที่พูดแทนธรรมชาติในแบบที่ "กระทบใจ"

5 บทเพลงจากศิลปินระดับโลกกำลังปลุกเราให้ “ตื่น”  และมากกว่านั้น… มันกำลังชวนเราคิดใหม่ เราจะอยู่ร่วมกับโลกนี้อย่างไร 

Wake Up America – เมื่อวัยรุ่นบอกให้ผู้ใหญ่ตื่น 

“Wake up, America. We're all in this together.” –   Miley Cyrus

เพลงป็อปใสๆ ที่กลายเป็นเสียงเตือนสังคมอย่างจริงจัง Miley ไม่ได้แค่ร้องเพลง แต่เธอให้เยาวชน "ยืมหัวใจ" มาตะโกนบอกประเทศว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะไม่ผลักภาระด้านสิ่งแวดล้อมให้ “รุ่นถัดไป” อีกต่อไป

​เพลง “Wake Up America” โดย Miley Cyrus เป็นเพลงที่เธอแต่งขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ผู้ฟังตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ . เนื้อเพลงมีข้อความที่สื่อถึงความสำคัญของการร่วมมือกันดูแลโลกของเรา เช่น “We're all in this together, It's our home so let's take care of it” และ “And everything you do matters, Yeah, everything you do matters in some way”. เพลงนี้มีจังหวะที่สนุกสนานและติดหู ทำให้ข้อความที่ต้องการสื่อสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ง่ายขึ้น.

 The 1975 (feat. Greta Thunberg)

เพลงนี้ เป็น เพลงในอัลบั้มใหม่ Notes on a Conditional Form  โดยอาจสร้างความแปลกใจให้ใครหลายคน เพราะทางวงได้เชิญ เกรตา ธันเบิร์ก นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม จากประเทศสวีเดน มากล่าวคำสุนทรพจน์ในบทเพลง 

 สำหรับแทร็ก The 1975 ที่มีความยาว 4 นาที 55 วินาที ทางวงก็ได้ไปอัดเสียงของเกรตาที่เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน  โดยเน้นคำพูดจากสุนทรพจน์ที่เกรตากล่าวที่งาน World Economic Forum เมื่อปี 2018 ซึ่งมีหลายประโยคกินใจที่สะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมและชักจูงให้คนรุ่นใหม่หันมาช่วยแก้ปัญหา เช่น “เราต้องยอมรับว่าคนรุ่นก่อนล้มเหลวในหลายอย่าง การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่พวกเขาใช้อยู่ก็ล้มเหลว แต่กลุ่มมนุษย์เรายังไม่ได้ล้มเหลว ใช่ เรากำลังล้ม แต่มันก็ไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง”

แต่เพลงนี้ ไม่มีเมโลดี้ หรือ ท่อนฮุกใดๆ ตามแบบสูตรเพลงฮิต  

Coldplay - Up&Up

อย่ายอมแพ้ ถึงโลกจะป่วย  “Fixing up a car to drive in it again / When you're in pain...” – Coldplay

Up&Up ไม่ได้พูดตรงๆ เรื่อง climate change แต่ทุกท่อนแฝงด้วย “ความหวัง” เหมือนแสงอาทิตย์ลอดก้อนเมฆหลังฝนตก

มันคือบทเพลงแห่งการ "มองโลกในมุมที่ยังดี" เพื่อให้เรา “ลงมือ” – ไม่ใช่แค่รำพึงรำพันอย่างเดียว 

นอกจากนี้ มิวสิกวิดีโอของ Up&Up สร้างโดยสองผู้กำกับแนวศิลป์ชาวอิสราเอล (Vania Heymann & Gal Muggia) และเต็มไปด้วยภาพเหนือจริง (surrealism) ที่สื่อถึงปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยภาพที่เหนือจริง ทั้ง ภาพตัดต่อของมนุษย์และธรรมชาติที่ย้อนแย้งกัน

เหล่านี้เป็น สัญลักษณ์ถึงวิกฤตโลก — การพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติจนเกินพอดี และ ภาพล้อเลียนระบบเศรษฐกิจที่เบียดเบียนโลก 

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Coldplay ยุติการทัวร์ทั่วโลกชั่วคราวเพื่อหาวิธีจัดคอนเสิร์ตที่ลดการปล่อยคาร์บอน โดยในปี 2019 วง Coldplay ได้ประกาศว่าจะไม่จัดทัวร์คอนเสิร์ตเพื่อโปรโมตอัลบั้ม Everyday Life จนกว่าจะสามารถทำให้การแสดงของพวกเขาเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พวกเขาต้องการให้การทัวร์ของตนมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อม และกำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อพัฒนาแนวทางในการจัดคอนเสิร์ตที่เป็นกลางทางคาร์บอน