พบโควิด 19 กลายพันธุ์ 3 สายพันธุ์ ใน 20 ประเทศทวีปอเมริกา
พบโควิด 19 กลายพันธุ์ 3 สายพันธุ์ ใน 20 ประเทศทวีปอเมริกา
เมื่อวันพุธ (3 ก.พ.) คาริสซา เอเตียน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยแพนอเมริกัน (PAHO) กล่าวว่ามีการตรวจพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ของโควิด-19 จำนวน 3 สายพันธุ์ ใน 20 ประเทศในทวีปอเมริกา ก่อให้ความกังวลว่าการแพร่ระบาดอาจจะรุนแรงขึ้น
แม้ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่จะยังมีเพียงน้อย แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือนว่าเชื้อสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้อาจนำไปสู่การระบาดใหญ่อีกครั้ง
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) รายงานสถิติเมื่อนับถึงวันอังคาร (2 ก.พ.) ว่ามีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทั้งสิ้น 546 คน ในรัฐอย่างน้อย 33 แห่งของประเทศ โดยในจำนวนนี้ มีมากถึง 541 รายที่เป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์บี.1.1.7 (B.1.1.7) ซึ่งถูกตรวจพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อ “บี.1.351” (B.1.351) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ จำนวน 3 คน และผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ “พี.1” (P.1) ที่พบครั้งแรกในบราซิลอีก 2 คน
เอเตียนกล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทวีปอเมริกามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 มากกว่า 1.8 ล้าน คน และผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มากกว่า 47,000 คน สำหรับทวีปอเมริกาเหนือนั้น อัตราการติดเชื้อในสหรัฐฯ และแคนาดานั้นลดลง แต่อัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตในเม็กซิโกยังคงเพิ่มขึ้น
ล่าสุดสหรัฐฯ มีรายงานสถิติผู้ป่วยและผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 ลดลง หลังจากมียอดผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในรอบ 7 วันนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 144,000 คนต่อวัน ลดลงราวร้อยละ 42 จากที่เคยตรวจพบผู้ป่วยใหม่รายวันสูงสุดที่เกือบ 250,000 คนในเดือนที่แล้ว
เอเตียนยังระบุว่า เกือบทุกประเทศในทวีปอเมริกาใต้ต่างมีรายงานพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศกัวเตมาลาและฮอนดูรัสในภูมิภาคอเมริกากลาง มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับประเทศส่วนใหญ่ในแถบทะเลแคริบเบียนนั้นสถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แม้ว่าหมู่เกาะใหญ่ ๆ อย่างสาธารณรัฐโดมินิกัน เฮติ เปอร์โตริโก และคิวบา ยังคงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น
“วันนี้เราได้เห็นแล้วว่าเมือง จังหวัด และประเทศบางแห่ง ที่เคยควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ก่อนหน้านี้ กลับเกิดการระบาดระลอกใหม่ซึ่งแตะระดับรุนแรงในบางครั้ง ทั้งในภูมิภาคของเราและภูมิภาคอื่นๆ ” เอเตียนล่าว “นี่ควรเป็นบทเรียนที่สอนให้เรารู้ว่าการแก้ปัญหาไวรัสระบาดในแถบอ่าวไม่ใช่ความพยายามชั่วครั้งชั่วคราว แต่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นร่วมกันอย่างต่อเนื่องของทุกฝ่าย ขณะที่เชื้อไวรัสยังคงแพร่ระบาดอยู่”
ในประเด็นความเหลื่อมล้ำทางเพศที่เกิดขึ้นระหว่างการแพร่ระบาด เธอกล่าวว่าในช่วงแรกที่เกิดโรคระบาดนั้น ผู้ชายมีแนวโน้มจะป่วยมากกว่าผู้หญิง แต่ปัจจุบันแนวโน้มที่ว่ากลับตาลปัตร ตอนนี้ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้พอๆ กับผู้ชาย และในระดับเจ้าหน้าที่แนวหน้า ผู้หญิงยังมีความเสี่ยงที่จะติดโรคมากกว่าด้วย
“ผู้หญิง ซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 70 ของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพทั่วโลก ต้องเผชิญกับความเสี่ยงส่วนบุคคลอย่างมหาศาล” เพราะพวกเธอยังต้องดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 แม้ตอนที่ตนเองแทบจะไม่มีอุปกรณ์ป้องกันเลยก็ตาม เอเตียนกล่าว
เธอยังเตือนทิ้งท้ายว่าผลกระทบด้านสุขภาพสังคมและเศรษฐกิจของโรคโควิด-19 นั้นส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างไม่สมดุล และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันมาใส่ใจปัญหาความไม่เสมอภาคทางเพศที่รุนแรงขึ้นในการระบาดใหญ่ครั้งนี้
ข่าว : Xinhua
ที่มา : ThaiPBS
|