โควิด-19 ทำคนไทยจนลง 1 ใน 3 ต้องการเงินช่วยเหลือจากรัฐ
โควิด-19 ทำคนไทย "จนลง" 1 ใน 3 ต้องการเงินช่วยเหลือจากรัฐ
เปิดผลสำรวจผู้บริโภคอาเซียนช่วงโควิด "คนไทย" 77% รายได้ลดลง จากก่อนหน้านี้มีเพียง 84% และ 1 ใน 3 ต้องการเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ มอง 6 เดือนข้างหน้า ประชากรอาเซียน หวังเศรษฐกิจท้องถิ่นดีขึ้น
ตลอดเวลาที่โรควิด-19 ระบาดตั้งแต่ต้นปี และเชื้อไวรัสยังอยู่คู่กับมนุษย์โลก แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีมหาศาล ทั้งสุขภาพประชากรโลก เศรษฐกิจ ธุรกิจเสียหาย ผู้คนตกงาน รายได้ลดลง และแน่นอนสถานการณ์ดังกล่าว นักการตลาด ไม่พลาดที่จะทำวิจัยตลาด สำรวจความเห็นของผู้บริโภคเพื่อนำมารายงานให้รัฐ เอกชน ภาคธุรกิจ ภาคประชาชนรับทราบ
พร้อมกันนี้ อิษณาติ วุฒิธนากุล ผู้อำนวยการอาวุโสองค์กรลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท อิปซอสส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้หยิบผลสำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นในข่วงโควิดที่ผ่านมา โดยสอบถามกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้บริโภคอายุ 18 ปีขึ้นไป ครอบคลุมประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และเวียดนาม จำนวน 500 คนในแต่ละประเทศ ระหว่างวันที่ 18 กันยายน ถึงวันที่ 22 กันยายน 2563 และพบประเด็นน่าสนใจดังนี้
คนไทย 1 ใน 3 ต้องการเงินช่วยเหลือจากรัฐฯ
ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดจะยืดเยื้อมากว่า 10 เดือนแล้ว ประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ยังคงมีความกังวลต่อการติดเชื้อไม่เสื่อมคลาย จากผลสำรวจพบว่าประเทศที่ประชาชนมีความกังวลต่อการติดเชื้อน้อยที่สุดคือสิงคโปร์ ตามมาด้วย ประเทศไทย ซึ่งในไทยนั้นมีประชาชนเพียง 30 % ที่ยังมีความกังวลต่อการติดเชื้อในระดับสูง ในขณะที่ 61 % ของประชากรมาเลเซีย และ 73% ของฟิลิปปินส์ หรือเกินครึ่งของประชากรทั้ง 2 ประเทศนั้นยังมีความกังวลและระแวดระวังต่อการติดเชื้อที่ยังอยู่ในระดับสูง
การปรับตัวและมุมมองต่อสถานการณ์โควิด-19
ณ ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือราว 81% เชื่อว่าต้องรอจนถึงปี 2021 ก่อนที่วัคซีนจะสามารถผลิตและถูกแจกจ่ายถึงคนในวงกว้าง ระยะเวลาอันยาวนานนี้ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องปรับตัว โดยมีประชากรถึง 37% ในภูมิภาคที่ได้ปรับตัวและมีความคุ้นชินต่อการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 แล้ว อย่างไรก็ตามประชากรกึ่งหนึ่งหรือราว 16% เริ่มเห็นสัญญาณว่ามาตรการล็อกดาวน์และรักษาความปลอดภัยต่างๆ จะค่อยๆ ถูกทยอยผ่อนคลายหรือยกเลิกในเร็ววัน
หากดูภาพรวมของทั้งภูมิภาคแล้ว 1 ใน 2 ของประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รู้สึกค่อนข้างปลอดภัยที่จะไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารนอกบ้าน ไปเยี่ยมบ้านเพื่อน หรือ ใช้บริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งระดับความเชื่อมั่นนี้แตกต่างไปในแต่ละประเทศ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย ประชาชนยังมีความกังวลในการใช้ขนส่งสาธารณะ และ ฟิลิปปินส์ที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าที่จะไปบ้านของเพื่อนหรือครอบครัว
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชาชนค่อนข้างรู้สึกผ่อนคลายและสามารถทำกิจกรรมนอกบ้านได้ อย่างไรก็ตามหากพูดถึงการท่องเที่ยวต่างประเทศแล้วก็นับว่ายังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่คนไทยค่อนข้างกังวล โดยระบุว่าอย่างเร็วที่สุดที่จะไปเที่ยวต่างประเทศคือเดือนมีนาคม ปี 2564
ทั้งนี้ แม้ประชาชนในภูมิภาคมีความพยายามในการปรับตัว แต่ต้องยอมรับว่าการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้ประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนมากต้องติดอยู่ที่บ้านเป็นเวลายาวนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งการถูกจำกัดความเคลื่อนไหวนี้ได้ส่งผลกระทบโดยตรงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยเฉลี่ย 50% ของประชาชนในภูมิภาคมีการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวน้อยลงหรือกระทั่งไม่มีเลย
ซึ่งประเทศที่พบสัดส่วนประชากรเคลื่อนไหวน้อยที่สุดคือ ประเทศมาเลเซีย หรือกว่า 56% ของประชากรทั้งหมด ในขณะที่เวียดนามพบเพียง 43% เท่านั้น
หากดูผลกระทบทางด้านจิตใจแล้ว 54% ของประชาชนในภูมิภาคระบุว่ารู้สึก ‘ดาวน์’ เกือบหรือตลอดเวลา
ในขณะที่สัดส่วนของประชาชนไทยที่รู้สึก ‘ดาวน์’ ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของภูมิภาคคือ 56% ของประชากรทั้งหมด แต่ตัวเลขนี้กลับพุ่งสูงขึ้นในฟิลิปปินส์ 62% และน้อยที่สุดในมาเลเซีย 44%
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
|