ไขข้อข้องใจ ของใช้แต่ละชิ้นควรซักบ่อยแค่ไหน เช่น ผ้าปูที่นอน หมอน
ไขข้อข้องใจ ของใช้แต่ละชิ้นควรซักบ่อยแค่ไหน
เช่น ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว พรม ผ้าม่าน ซักเดือนละกี่ครั้งดี พร้อมเคล็ดลับที่หลายคนสงสัย ทำยังไงให้ผ้าสะอาดและมีกลิ่นหอม
นอกจากเสื้อผ้าที่เราต้องซักเป็นประจำ ของใช้ในบ้าน เช่น ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว พรม ผ้าม่าน ก็ต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ ด้วยเหมือนกัน แต่หลายคนยังไม่แน่ใจว่าควรซักผ้าบ่อยแค่ไหนถึงจะดี กี่วันควรซัก ซักเดือนละครั้งน้อยไปหรือเปล่า วันนี้กระปุกดอทคอมเลยรวบรวมข้อมูลมาฝาก จะได้รู้กันสักทีว่าของแต่ละชิ้นควรซักเดือนละกี่ครั้ง ตบท้ายด้วยเคล็บลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้ผ้าของทุกคนสะอาดและมีกลิ่นหอมน่าใช้ยิ่งขึ้น
1. ผ้าปูที่นอน : ทุกสัปดาห์
ผ้าปูที่นอนควรซักสัปดาห์ละครั้ง เพราะอาจจะมีคราบน้ำ เหงื่อ และมีสิ่งสกปรกอื่น ๆ ที่มองไม่เห็นแอบซ่อนอยู่ อีกทั้งร่างกายคนเรายังมีการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วเป็นประจำทุกคืน จึงถือเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของตัวไรฝุ่น แถมยังส่งผลเสียมากขึ้นกับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ดังนั้นเราจึงต้องซักที่นอนทุก ๆ สัปดาห์ โดยให้ใช้น้ำร้อนอย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส ตากแดดโดยตรง และรีดก่อนใช้ ก็จะช่วยให้ผ้าสะอาด แถมยังช่วยฆ่าแบคทีเรียและจุลินทรีย์ได้อีกด้วย
2. ฟูกที่นอน : ทุก 6 เดือน
นอกจากซักผ้าปูที่นอนแล้ว อย่าลืมซักหรือทำความสะอาดฟูกที่นอนด้วย เพื่อสุขอนามัยที่ดี ควรทำเป็นประจำทุก 6 เดือน โดยวิธีการง่าย ๆ แค่ดูดฝุ่นออก แต่ถ้าหากใครอยากกำจัดดับกลิ่นและซักคราบสกปรกด้วย ก็ให้โรยเบกกิ้งโซดาบนฟูก แล้วปล่อยทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ก่อนนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดออกเท่านี้ฟูกที่นอนก็กลับมาสะอาดเหมือนเดิมแล้ว
3. ผ้ารองกันเปื้อน : ทุก 3 เดือน
สำหรับคนที่ใช้ฟูกรองที่นอนหรือผ้ารองกันเปื้อนที่นอน ให้ถอดมาซักเป็นประจำทุก 3 เดือน โดยฟูกรองที่นอนที่ทำมาจากคอตตอนหรือไวนิล สามารถซักในเครื่องซักผ้าได้เลยครับ
4. ตุ๊กตา : ทุกสัปดาห์
ตุ๊กตาที่เด็ก ๆ ชอบและมักจะพกติดตัวอยู่เสมอ ก็เป็นอีกหนึ่งที่อยู่อาศัย สำหรับเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรีย ทางที่ดีให้ซักเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะซักในเครื่องซักผ้าได้ แต่อย่าลืมเช็กป้ายและทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ส่วนชิ้นไหนที่ห้ามซัก ให้นำไปแช่ในตู้เย็นสัก 2-3 ชั่วโมง หรือแช่ไว้ข้ามคืน ก็จะช่วยกำจัดเชื้อโรค ตัวไรฝุ่น และตัวเรือดได้
5. หมอน : ทุก 3 เดือน
ถ้าไม่ซักทำความสะอาดหมอนเป็นประจำ อาจทำให้เชื้อราหลายชนิดสะสมอยู่ได้ โดยระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือ ควรซักด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส ทุก 3 เดือน หรือหากไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น ให้ซักและอบแห้งด้วยความร้อนต่ำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปีก็ได้
6. ปลอกหมอน : ทุกสัปดาห์
ปลอกหมอนก็เหมือนกับผ้าปูที่นอน เพราะเป็นด่านแรกที่ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรก เชื้อโรค และเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ติดค้างและสะสมอยู่บนหมอน ฉะนั้นต้องถอดมาซักเป็นประจำทุกสัปดาห์ จำง่าย ๆ ว่าทำพร้อมกับผ้าปูที่นอนเลย
7. ผ้าห่ม : ทุกเดือน
ผ้าห่มควรซักเป็นประจำทุกเดือน เพราะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคไม่แพ้ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน ส่วนขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก สามารถซักในเครื่องได้ แต่จะแตกต่างกันออกไปตามชนิดของผ้า
8. ผ้านวม : ทุกเดือน
แม้ว่าความบ่อยในการซักผ้านวมจะขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า แต่ทั่วไปแล้วควร
ซักเป็นประจำทุกเดือน เหมือนกันกับผ้าห่มเลยครับ
9. ผ้าเช็ดตัว : หลังใช้งาน 3-4 ครั้ง
ถึงเราจะใช้ผ้าเช็ดตัวหลังอาบน้ำแล้ว แต่ก็ต้องคอยทำความสะอาดสม่ำเสมอ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรซักหลังใช้งานประมาณ 3-4 ครั้ง เพราะทุกครั้งที่เราเช็ดตัว เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะย้ายไปติดบนผ้า นอกจากนี้ความชื้นของผ้ายังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของเชื้อโรคอีกต่างหาก นี่จึงทำให้เราต้องทำความสะอาดผ้าเช็ดตัวอยู่เป็นประจำ ไม่เช่นนั้นเชื้อโรคบนผ้าอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองหรือเป็นสิวได้ โดยวิธีการซักเพื่อกำจัดแบคทีเรีย ให้ซักในน้ำร้อนและตากแดดจนแห้งสนิท อ้อ แล้วอย่าลืมเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวผืนใหม่หลังใช้งานไป 1-2 ปีด้วยล่ะ
10. ผ้าเช็ดมือ : หลังใช้งาน 2 ครั้ง
คล้ายกันกับผ้าเช็ดตัว คือ ทุกครั้งที่เราเช็ดมือกับผ้า เท่ากับเรานำแบคทีเรียจากมือไปฝากไว้ ยิ่งถ้าใครล้างมือไม่สะอาด ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มเชื้อแบคทีเรียเข้าไปใหญ่ เมื่อบวกเข้ากับความชื้นและพื้นผิวของผ้าแล้ว งานนี้ผ้าเช็ดมือ จึงกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของแบคทีเรีย ดังนั้นเพื่อสุขอนามัยที่ดีและความสะอาดที่แท้จริง เราจึงต้องเปลี่ยนหรือซักผ้าเช็ดมือหลังใช้งานไป 2-3ครั้งนั่นเอง
11. ผ้าเช็ดจาน : ทุกวัน
เชื้อโรคสามารถแฝงตัวอยู่บนผ้าเช็ดจานได้ทุกครั้งหลังใช้งาน ฉะนั้นยิ่งใช้ซ้ำหลายครั้ง ก็ยิ่งทำให้สกปรกมากขึ้น โดยมีรายงานว่า เคยพบแบคทีเรีย E.coli ในผ้าเช็ดจานมากถึง 89% ซึ่งอาจส่งผลให้อาหารเป็นพิษได้ ดังนั้น ถ้าหากใครอยากให้คนในครอบครัวปลอดภัย หายห่วงละก็ ควรซักหรือเปลี่ยนผ้าเช็ดจานทุกวัน หรือถ้าทำได้ทุกหลังครั้งใช้ก็จะยิ่งดี
12. ผ้าม่านในห้องน้ำ : ทุกเดือน
แม้ว่าผ้าม่านพลาสติกในห้องน้ำจะโดนน้ำและสบู่อยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสะอาด เพราะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรค เชื้อรา
ได้เหมือนกัน ทางที่ดีควรนำมาซักทำความสะอาดบ่อย ๆ อย่างน้อย ๆ เดือนละครั้ง ก็จะช่วยให้สวยงาม เหมือนใหม่ และน่าใช้มากขึ้นครับ
13. ผ้าม่าน : ทุก 3-6 เดือน
ผ้าม่านควรซักทุก 3-6 เดือน โดยวิธีการก็คล้ายกับการซักผ้าทั่วไป คือ เช็กป้ายว่าเหมาะกับการซักมือ ซักเครื่อง หรือซักแห้ง หลังจากนั้นก็ทำตามเท่านั้นเอง
14. พรม : ทุกสัปดาห์
อีกหนึ่งไอเทมที่ต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ ก็คือ พรม เพราะเราใช้เช็ดทำความสะอาดเท้าหลายครั้งต่อวัน จนทำให้มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกสะสมได้ง่าย ซึ่งถ้าพรมชนิดไหนซักได้ ก็ใส่ลงในเครื่องซักผ้าได้เลย แต่ถ้าพรมชนิดไหนซักไม่ได้ ให้โรยเบกกิ้งโซดาและสารบอแรกซ์อย่างละ 1 ถ้วยลงไปปล่อยทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดออก ก็จะเป็นอันเสร็จ
15. พรมห้องน้ำ : ทุก 2-3 สัปดาห์
นอกจากจะมีสิ่งสกปรกตกค้างแล้ว พรมห้องน้ำหรือเสื่อห้องน้ำยังมีความชื้นติดอยู่เสมอ จึงถือเป็นอีกแหล่งสะสมของเชื้อโรค ดังนั้นควรซักทำความสะอาดทุก 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าหากผืนไหนใช้งานบ่อยหรือหลายคนหน่อยให้ซักทำความสะอาดทุกสัปดาห์แทน
16. ถุงผ้า : หลังใช้งานทุกครั้ง
รายงานจาก Science Is Us ระบุว่า 99% ของถุงผ้าหรือถุงช้อปปิ้งมีแบคทีเรียซ่อนอยู่ ฉะนั้นควรซักหลังใช้งานทุกครั้งหรืออย่างน้อย 2-3 ครั้ง โดยซักด้วยเครื่องซักผ้าตามปกติ เพื่อช่วยให้ข้าวของที่ใส่ไปสะอาด ปลอดภัย ไม่มีสิ่งสกปรก
17. สลิปเปอร์ : บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
สลิปเปอร์ หรือรองเท้าใส่ในบ้าน สามารถปนเปื้อนสิ่งสกปรก รวมถึงเชื้อโรคและเชื้อราได้ง่าย ฉะนั้นเพื่อรักษาความสะอาดให้กับรองเท้าและตัวเราเอง ควรซักบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเปลี่ยนคู่ใหม่ทุก 6 เดือน
ที่มา : สาระจัง@SaraJang
https://www.blockdit.com/posts/5ed9f51977b0dc0c06a08817 |