งานวิจัยเผย คนรวยสุด 1% ของโลก ปล่อยคาร์บอนเกินกำหนด 30 เท่า

งานวิจัยประเมินว่า คนที่รวยที่สุด 1% ของโลกจะปลดปล่อยคาร์บอนในระดับเกินกำหนดที่จะจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ถึง 30 เท่า

งานวิจัยโดยสถาบันนโยบายสิ่งแวดล้อมยุโรป และสถาบันสิ่งแวดล้อมสต็อกโฮล์ม ออกมาในช่วงเดียวกันกับที่ชาติต่าง ๆ กำลังประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

"ดูเหมือนคนรวยมหาศาลกลุ่มเล็ก ๆ จะมีใบอนุญาตให้สร้างมลพิษมากเท่าใดก็ได้" นาฟโตคี ดาบี จากองค์กรการกุศลอ็อกซ์แฟม ซึ่งเป็นผู้ขอให้สถาบันวิจัยสองแห่งทำการศึกษาชิ้นนี้ขึ้น

"การปลดปล่อยคาร์บอนอย่างเกินตัวของพวกเขายิ่งเร่งให้เกิดสภาพอากาศสุดขั้วทั่วโลก และส่งผลเสียต่อเป้าในการจำกัดอุณหภูมิโลก"

นักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมออกมาเตือนว่ามีขีดจำกัดอยู่ว่าเรายังสามารถปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจกขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศแค่ไหนก่อนที่อุณหภูมิโลกจะสูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม และก่อนจะถึงปี 2030 เราต้องปล่อยคาร์บอนเท่า ๆ กับที่เราสามารถจำกัดมันได้

หากเฉลี่ยปริมาณออกมาเท่า ๆ กัน ผู้ใหญ่ทุกคนในโลกนี้สามารถปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 2.3 ตันต่อปีในแต่ละปีก่อนจะถึงปี 2030

คนที่มีฐานะรวยสุด ๆ - หมายถึงคนที่มีบ้านหลายหลัง มีเครื่องบินส่วนตัว และก็เรือยอร์ชขนาดใหญ่ - ปลดปล่อยคาร์บอนมากกว่าคนที่ฐานะยากจนกว่าหลายเท่า งานวิจัยชิ้นนี้ไปตามสังเกตการเดินทางโดยเครื่องบินของบรรดาบุคคลผู้มีชื่อเสียงผ่านบัญชีโซเชียลมีเดีย โดยพบว่าคนจำนวนหนึ่งปลดปล่อยมากกว่า 1,000 ตันต่อปี

แต่คนรวยที่สุด 1% ของโลก ไม่ใช่แค่เหล่าเศรษฐีเท่านั้น แต่หมายถึงใครก็ตามที่มีรายได้มากกว่า 172,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5.7 ล้านบาท

แต่คนที่รวยที่สุด 10% ของโลก หรือคนที่มีรายได้มากกว่า 55,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 1.8 ล้านบาท ก็ยังปลดปล่อยคาร์บอนสูงอยู่ดี โดยเกินกำหนดที่จะจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส อยู่ 9 เท่า

ตัวอย่างหนึ่งของคนที่อยู่ในกลุ่มรวยที่สุด 10% ของโลกคือครอบครัวเคิร์ธส์ ซึ่งมีสมาชิก 4 คน โดยอาศัยอยู่ในเมืองโทเลโด รัฐโอไฮโอ ของสหรัฐฯ

เทรซี เคิร์ธส์ บอกว่า สามีเธอและลูกสาวขับรถคนละคันเพราะว่าเป็นหนทางเดียวที่จะไปไหนมาไหนในเมือง

นอกจากนี้ เมืองโทเลโดอากาศร้อนจัดในฤดูร้อนทำให้ต้องเปิดแอร์ และอากาศหนาวหนาวในฤดูหนาวทำให้ต้องเปิดเครื่องทำความร้อนด้วย นอกจากนี้ พวกเขายังกินเนื้อสัตว์ประมาณ 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์

แต่ชีวิตของครูสอนภาษาอังกฤษอย่าง โตโกนิน เซเวอริน โตโก จากประเทศมาลี ยังแตกต่างกันมาก

เขาก็เหมือนกับคนอีก 80% ในโลกที่ไม่มีรถของตัวเอง และก็เหมือนกับคนอีก 90% ของโลกที่ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน อย่างไรก็ดี เขาก็กังวลเรื่องการปล่อยคาร์บอนเพราะยังมีการเผาขยะทิ้งในเมืองเขาอยู่

องค์กรการกุศลอ็อกซ์แฟมพบว่า คนรายได้ปานกลาง 40% ช่วยในการจัดการกับลดการปล่อยคาร์บอนมากที่สุด

แม้ว่าคนกลุ่มรายได้นี้จะปล่อยคาร์บอนมากขึ้นระหว่างปี 1990 ถึง 2015 คาดเดากันว่าจะลดปริมาณลงเพราะนโยบายที่ตกลงกันจากข้อตกลงปารีสฯ เมื่อปี 2015

แต่อ็อกซ์แฟมบอกว่ารัฐบาลประเทศต่าง ๆ ต้องมีมาตรการควบคุมกลุ่มคนที่รวยสุด ๆ มากกว่านี้อีก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้าวของหรูหราไปจนถึงการไปเที่ยวอวกาศ