เทรนด์การลงทุนยุคหลัง COVID-19

วันนี้ BrandThink และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชนหรือ NIA หน่วยงานหลักที่สนับสนุนผู้ประกอบการนวัตกรรมในประเทศไทย ได้ร่วมมือกันนำเสนอข้อมูลข่าวสารด้านนวัตกรรมและการลงทุนกันอีกครั้งหนึ่ง โดยคราวนี้ เราจะมาว่ากันด้วยแนวโน้มของการลงทุนในโลกยุคหลัง COVID-19

ปี 2020 เป็นปีที่เรียกได้ว่าโลกของการลงทุนซบเซาสุดๆ ถ้าเทียบกับก่อนหน้านี้ตลาดโตอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เกิดจากการระบาดของโรค COVID-19 ที่ทำให้เกิดการล็อกดาวน์ทั่วโลกและความซบเซาทางเศรษฐกิจระดับร้ายแรงที่ตามมา อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายปี 2020 ภาวะที่น่าจะเรียกได้ว่า “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” ก็ดูจะชัดขึ้น บริษัทที่ทำวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่พัฒนามาตลอดปีค่อยๆ ทยอยเปิดตัววัคซีนที่พัฒนามาอย่างได้มาตรฐาน ซึ่งก็ล้วน “พร้อมใช้ปีหน้า” และนี่ก็ทำให้หลายๆ ฝ่ายคาดว่า “ชีวิตปกติ” ก็น่าจะกลับมาได้ในช่วงปี 2021 

และเอาจริงๆ ในโลกการเงินก็ดูจะตอบรับแนวคิดนี้ชัดเจนเพราะหลังจาก Pfizer เปิดตัววัคซีนไป หุ้นก็เรียกได้ว่ากลับไปอยู่ในระดับก่อนที่ COVID-19 จะระบาดเรียบร้อยแล้ว และก็เรียกได้ว่าทุกๆ อย่างก็คงจะค่อยๆ เป็นปกติ

ที่นี้คำถามที่ตามมาในมุมของนักลงทุนก็คือ แล้วจะลงทุนในอะไรดีในเศรษฐกิจโลกที่ค่อยๆ จะกลับสู่สภาพปกติ

คำตอบเร็วๆ ณ ตอนนี้ก็คือ ก็คงจะเป็นทุกอย่างที่ควรจะลงทุนในปี 2020 ถ้า COVID-19 ไม่ระบาด

ถ้าจะนับ “ธีมใหญ่” ที่สุดของการลงทุนที่ COVID-19 มาทำให้สะดุดในปี 2020 ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง “โลกร้อน” เพราะนี่คือกระแสที่ใหญ่ระดับไม่เคยมีมาก่อนในปี 2019 ก่อนที่ COVID-19 จะทำให้ทุกคนลืมไปว่าโลกร้อนก็เป็นปัญหาที่ใหญ่

ดังนั้นธีมสำคัญของการลงทุนทั่วโลกก็คือพวกธุรกิจที่วางอยู่บนฐานของความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ส่วนจะเป็นอะไรก็คงจะแล้วแต่ว่าอะไรนั้น “ฮ็อต” ในตลาดประเทศนั้นๆ ซึ่งนี่อาจหมายถึงธุรกิจเครื่องแต่งกายที่ผลิตโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงแพลตฟอร์มซื้อขายของมือสอง

อย่างไรก็ดีสิ่งที่การต่อสู้กับโลกร้อนส่งผลกับโลกของการลงทุนที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า ที่ตอนนี้ฮ็อตสุดๆ เพราะประเทศต่างๆ ก็เริ่มมีแผนระยะยาวในการจำกัดปริมาณรถยนต์แบบดั้งเดิมบนท้องถนนทั้งสิ้น และนี่ก็เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกบูมสุดๆ และเราไม่ได้พูดถึงแต่ Tesla เท่านั้น แต่พูดถึงผู้เล่นหน้าใหม่อื่นๆ ในตลาด รวมไปจนถึงการเบนทิศทางของบริษัทรถยนต์ดั้งเดิมที่เปลี่ยนมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อตอบรับกับความต้องการทางสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

เทรนด์ต่อมาที่เรียกว่าน่าจะ “อยู่ในกระแส” ในปีหน้าแน่ๆ ก็คือพวกธุรกิจต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับเครือข่าย 5G ที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วโลกแน่ๆ ในปีหน้า และก็เรียกได้ว่านี่จะเป็นปัจจัยในการเพิ่มยอดขายตั้งแต่พวกอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ ยันสมาร์ทโฟน ที่ล้วนต้องการการอัปเกรดระดับฮาร์ดแวร์เพื่อรองรับเครือข่าย 5G

นอกจากนี้ อีกเทรนด์ที่เป็นเทรนด์ในระยะยาวก็คงจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการขยายตัวของ “สังคมผู้สูงอายุ” ที่ขยายตัวขึ้นทุกวัน ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้ที่น่าจะมาแรงเป็นพิเศษก็น่ะจะได้แก่ธุรกิจกลุ่มเสริมสุขภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงบริการหรือผลิตภัณฑ์ ซึ่งก็น่าจะเพราะสินค้าและบริการกลุ่มนี้มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อสูง อันเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีการขยายตัวอย่างโดดเด่นมากในสังคมผู้สูงอายุ

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็น่าจะเป็นเทรนด์การลงทุนในยุคหลัง COVID-19 ซึ่งในภาพรวมก็คือการที่สถานการณ์ “กลับเป็นปกติ” ภายหลังจากที่ COVID-19 มา “ขัดจังหวะ” แนวโน้มการลงทุนแบบนี้ตลอดปี 2020 นี้เอง 

นอกจากนี้ ประเด็นการลงทุนอื่นๆ ที่อาจต้องจับตาก็น่าจะเป็นสถานการณ์ของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่อาจมีการเปลี่ยนไปพร้อมกับการรเปลี่ยนประธานาธิบดีจาก Donald Trump เป็น Joe Biden ในปี 2021 เพราะอย่างน้อยๆ ถ้าภาวะ “สงครามการค้า” ยุติลง ก็น่าจะเกิดความปั่นป่วนในการลงทุนพอสมควร โดยเฉพาะในเชิงพื้นที่ เพราะหลายๆ บริษัทก็ได้วางแผนในการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว และนี่ก็ทำให้ประเทศอย่างอินเดียถูกมองว่าจะเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ที่จะได้ผลประโยชน์เต็มๆ เพราะบริษัทจำนวนมากนั้นย้ายจากจีนมาที่อินเดีย และนั่นก็ย่อมจะส่งผลโดยรวมต่อเศรษฐกิจอินเดียอย่างมหาศาล แต่ทุกอย่างอาจชะงักลงไป ถ้าสงครามการค้ายุติลง

 

ข้อมูลจาก BrandThink

 

Visitors: 1,403,334