การดมกลิ่นเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัส
|
สุนัขกลุ่มหนึ่งที่สนามบินในฟินแลนด์กำลังทำภารกิจที่สำคัญในสถานการณ์ปัจจุบัน
นั่นคือการดมกลิ่นเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัส
 Miika และ Titta สุนัขที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดีเพื่อค้นหาผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อโคโรน่าไวรัส (ภาพจาก Lehtikuva/Antti Aimo-Koivisto via REUTERS)
ปกติแล้วสนามบินทั่วโลกจะมีสุนัขไว้คอยดมกลิ่นเพื่อค้นหาสารเสพติด สิ่งของผิดกฎหมาย หรือวัตถุระเบิด ที่อาจซุกซ่อนมากับสัมภาระของผู้โดยสาร
แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ทำให้มันได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจใหม่ที่สำคัญ นั่นคือการดมกลิ่นเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัส
 ภาพจาก EPA
สนามบิน Helsinki-Vantaa ของฟินแลนด์ทดลองให้สุนัขที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วเป็นอย่างดีจำนวน 15 ตัว ดมกลิ่นผู้โดยสารเพื่อค้นหาผู้ที่อาจเป็นโรคโควิด-19 ซึ่งจากการทดลองที่ผ่านมา พบว่าได้ผลดีและมีความแม่นยำเกือบ 100% แถมยังสามารถรู้ผลได้ก่อนที่ผู้โดยสารคนนั้นจะแสดงอาการของโรคถึง 5 วันอีกด้วย
นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถอธิบายได้ว่า สุนัขดมหาเชื้อไวรัสได้อย่างไร แต่คิดว่ากลิ่นเหงื่อของผู้โดยสารน่าจะมีส่วนทำให้สุนัขสามารถแยกแยะได้
ขั้นตอนการดมกลิ่นของสุนัขพวกนี้ เริ่มจากการที่ผู้โดยสารที่มาที่สนามบินจะเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง แล้วใช้ผ้าที่ทางสนามบินเตรียมไว้ให้เช็ดคอหรือแขน ก่อนจะนำไปใส่ไว้ในกระป๋อง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำกระป๋องใบนี้ไปอีกห้องหนึ่งซึ่งมีสุนัขรออยู่
สุนัขจะทำท่าตะกุย นอนหมอบ หรือเห่า เมื่อเจอกระป๋องที่มีแนวโน้มจะพบเชื้อโคโรน่าไวรัส โดยมันใช้เวลาในการดมกลิ่นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
 ภาพจาก REUTERS
ซึ่งผู้โดยสารที่มีโอกาสเป็นโรคโควิด-19 จากการดมกลิ่นของสุนัข จะถูกส่งไปตรวจหาเชื้อตามมาตรฐานทางการแพทย์ เพื่อยืนยันผลให้ชัดเจนต่อไป
ฟินแลนด์ถือเป็นเป็นประเทศที่ 2 ในโลกต่อจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ใช้สุนัขมาช่วยค้นหาผู้ที่อาจป่วยเป็นโรคโควิด-19 และในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะมีประเทศอื่นที่นำวิธีนี้ไปใช้ในสนามบิน
 YOUTUBE.COM Finland’s coronavirus-sniffing dogs find Covid-19 carriers at airport with ‘nearly 100% accuracy’Subscribe to our YouTube channel for free here: https://sc.mp/subscribe-youtube Four dogs trained to sniff out coronavirus infections have been working at He... ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ
ที่มา : โลกหลากสี https://www.blockdit.com/articles/5f71b50469c2042419a8580a/#
|
