คนอเมริกาเริ่มติดไวรัส COVID-19 หลังออกไปชุมนุม
คนอเมริกาเริ่มติดไวรัส COVID19 หลังออกไปชุมนุม จากที่มีกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขได้พยายามออกมาเตือนกันไว้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าการออกมาก่อม็อบ และชุมนุมประท้วงรัฐบาล เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ George Floyd ของเหล่าผู้ชุมนุมโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างจากผู้ชุมนุมคนอื่นๆนั้น จะทำให้เกิดผลเสียที่ตามมา คือ การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ หลังการการ์ดตกของกลุ่มผู้ชุมนุมและม็อบที่ออกมาประท้วงอย่างเป็นบ้าเป็นหลังนั้น ล่าสุดจากแผนที่การระบาดของโรคที่ได้มาจากกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกานั้น แสดงให้เห็นว่า
ขณะนี้รูปแบบการแพร่กระจายตัวของไวรัสนั้นกำลังมีความเปลี่ยนแปลง จากเดิมเมื่อช่วงเดือนมีนาคมจนถึงเมษายนนั้นการระบาดจะมีลักษณะที่กระจุกตัวอยู่เฉพาะในกลุ่มมลรัฐและหัวเมืองใหญ่ๆที่มีอาณาเขตอยู่ติดชายทะเล เช่น นิวยอร์ค นิวเจอร์ซี บอสตัน แคลิฟอร์เนีย แต่ในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงช่วงมิถุนายนนี้นั้น รูปแบบของการระบาดกำลังเปลี่ยนไป และขยายวงกว้างออกไปนอกอาณาบริเวณมลรัฐแถบชายฝั่งมากขึ้น ตอนนี้ไวรัส COVID-19 กำลังค่อยๆคืบคลานเข้าไปในแถบภาคกลาง หรือกลุ่มมลรัฐ และหัวเมืองที่อยู่ภายในตัวแผ่นดินอเมริกามากขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาร์คันซอ เท็กซัส อาริโซน่า อย่างอาร์คันซอนี่ ข้อมูลการควบคุมโรคชุดล่าสุดเมื่อวันอังคารนั้น พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 400 คน ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประวัติการติดเชื้อในพื้นที่และอาณาบริเวณโดยรอบ ส่วนอาริโซน่านั้นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันเดียว 1,000 กว่าคน (เช่นเดียวกับเท็กซัสที่กราฟของตัวเลขผู้ติดเชื้อนั้นค่อยๆขยับขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง) และจากที่การประท้วง การชุมนุม และการก่อจลาจลนั้นได้เกิดขึ้นล่วงเลยมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว (12 วันย่างเข้าวันที่ 13) ตอนนี้เริ่มมีคนข่าวการติดเชื้อจากผู้ชุมนุมแล้วครับ เคสล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน คือ ชายนักกีฬาคนหนึ่งไปร่วมชุมนุมก่อม็อบเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ George Floyd มา หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็ล้มป่วยด้วยไวรัส COVID-19 ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าเขานั้นติดเชื้อมาจากการออกไปชุมนุม แม้ว่าเขาจะใส่หน้ากากอนามัยก็ตาม แต่การเข้าไปอยู่ในพื้นที่แออัด โดยไม่เว้นระยะห่างทางร่างกาย ยืนเบียดเสียดอยู่กับคนจำนวนมาก ก็ทำให้ความเสี่ยงของการติดเชื้อมีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สุดท้ายก็เลยติด แต่ด้วยความที่สหรัฐอเมริกานั้น ประกาศคลายล็อคดาวน์ และเริ่มเปิดเมืองให้แก่ประชาชนได้ออกใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว รัฐบาลท้องถิ่นจึงไม่สามารถที่จะห้ามคนออกไปชุมนุมได้อย่างเต็มปากเต็มคำนัก ตอนนี้ขนาดประกาศเคอร์ฟิวแล้ว คนอเมริกาก็ยังฝืนออกไปชุมนุมกันตอนกลางคืนโดยที่ไม่กลัวตำรวจจับเลย ซึ่งตำรวจก็ไม่กล้าจับ และหลายๆฝ่ายความมั่นคงในท้องถิ่นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องของเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน ทั้งหมดที่ภาครัฐทำได้ในขณะนี้จึงมีแค่ตักเตือน ออกข่าว ประกาศคำเตือนเกี่ยวกับโรคระบาดเท่านั้น แต่คงห้ามใครไม่ได้ แล้วปล่อยให้เกิดเลยตามเลย (เลือกที่จะปล่อยให้ติดเชื้อไปเลยละค่อยรักษาทีเดียว) ** จำนวนยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากไวรัส COVID-19 ภายในสหรัฐอเมริกา ขณะนี้อยู่ที่ 1,959,000 คน เสียชีวิตแล้ว 111,000 กว่าคน รักษาหาย ปลอดเชื้อแล้วอีก 457,000 กว่าคน เหลือรักษาตัวอยู่อีกประมาณเกือบ 1,400,000 คน
|