ก.ล.ต.ออกกฎห้ามคริปโตฯ ชำระค่าสินค้า เบรกผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลโฆษณาชักชวน
ก.ล.ต.ออกกฎห้ามคริปโตฯ ชำระค่าสินค้า เบรกผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลโฆษณาชักชวน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์ในการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อไม่ให้สนับสนุนหรือส่งเสริมการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่ ธปท. และ ก.ล.ต. ได้หารือร่วมกัน ซึ่งเห็นความจำเป็นในการกำกับดูแล เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงความเสี่ยงต่อประชาชนและธุรกิจ เช่น ความเสี่ยงจากการสูญมูลค่าที่เกิดจากความผันผวนของราคา ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีมติเห็นชอบหลักการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในการจำกัดการให้บริการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ สรุปสาระสำคัญดังนี้
ทั้งนี้ กฎระเบียบนี้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้บริการอยู่ก่อนแล้ว ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ด้าน ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาย้ำว่า เหตุผลที่ว่า ธปท. มองว่าคริปโตเคอร์เรนซี ยังไม่เหมาะนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับแก่นของธนาคารกลางแล้ว คริปโตเคอร์เรนซี แม้จะเป็นนวัตกรรม แต่จัดเป็นกระแสที่ไม่ตอบโจทย์การเป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ
“สิ่งที่เป็นแก่นของธนาคารกลาง และจะไม่เปลี่ยน คือ การมีภาครัฐเป็นผู้รักษามูลค่าของเงินและเสถียภาพระบบการเงิน ซึ่งที่ผ่านมาระบบนี้ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่า มั่นคงและตอบโจทย์ มีประสิทธิภาพสูง เทียบกับ คริปโทเคอเรนซี ที่แม้เป็นนวัตกรรม แต่จัดเป็นกระแสที่ไม่ตอบโจทย์การเป็นสื่อกลางชำระสินค้าและบริการ” นอกจากนี้ ธปท. ยังเปรียบเทียบกรณีคริปโตบางประเภท ในฐานะสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการกับระบบการชำระเงินไทยในปัจจุบัน ทั้งในประเด็นเรื่องค่าธรรมเนียม เวลาการโอน ความทั่วถึง การคงมูลค่า และความปลอดภัย ซึ่งระบบการชำระเงินไทยในปัจจุบันตอบโจทย์มากกว่า
ที่มา : reporter journey |