ก.ล.ต.ออกกฎห้ามคริปโตฯ ชำระค่าสินค้า เบรกผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลโฆษณาชักชวน

ก.ล.ต.ออกกฎห้ามคริปโตฯ ชำระค่าสินค้า เบรกผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลโฆษณาชักชวน

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์ในการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อไม่ให้สนับสนุนหรือส่งเสริมการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่ ธปท. และ ก.ล.ต. ได้หารือร่วมกัน ซึ่งเห็นความจำเป็นในการกำกับดูแล เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงความเสี่ยงต่อประชาชนและธุรกิจ เช่น ความเสี่ยงจากการสูญมูลค่าที่เกิดจากความผันผวนของราคา ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน


คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีมติเห็นชอบหลักการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในการจำกัดการให้บริการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ สรุปสาระสำคัญดังนี้


  • ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภท ต้องไม่ให้บริการหรือกระทำการอันมีลักษณะที่เป็นการสนับสนุนหรือส่งเสริมการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การโฆษณา การชักชวนหรือแสดงตนว่าพร้อมให้บริการชำระค่าสินค้าหรือบริการแก่ร้านค้า หรือการจัดทำระบบหรือเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการชำระค่าสินค้าและบริการ การเปิดกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อวัตถุประสงค์ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ เป็นต้น 
  • กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลพบว่า ลูกค้าใช้บัญชีที่เปิดไว้เพื่อการค้าสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าและบริการ ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งเตือนเกี่ยวกับการใช้บัญชีผิดวัตถุประสงค์ ไม่ตรงกับเงื่อนไขการให้บริการ และดำเนินการแก่ลูกค้าที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการ ซึ่งรวมถึงระงับการให้บริการชั่วคราว ยกเลิกการให้บริการ

ทั้งนี้ กฎระเบียบนี้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้บริการอยู่ก่อนแล้ว ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 

ด้าน ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาย้ำว่า เหตุผลที่ว่า ธปท. มองว่าคริปโตเคอร์เรนซี ยังไม่เหมาะนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับแก่นของธนาคารกลางแล้ว คริปโตเคอร์เรนซี แม้จะเป็นนวัตกรรม แต่จัดเป็นกระแสที่ไม่ตอบโจทย์การเป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ

 

“สิ่งที่เป็นแก่นของธนาคารกลาง และจะไม่เปลี่ยน คือ การมีภาครัฐเป็นผู้รักษามูลค่าของเงินและเสถียภาพระบบการเงิน ซึ่งที่ผ่านมาระบบนี้ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่า มั่นคงและตอบโจทย์ มีประสิทธิภาพสูง เทียบกับ คริปโทเคอเรนซี ที่แม้เป็นนวัตกรรม แต่จัดเป็นกระแสที่ไม่ตอบโจทย์การเป็นสื่อกลางชำระสินค้าและบริการ”

นอกจากนี้ ธปท. ยังเปรียบเทียบกรณีคริปโตบางประเภท ในฐานะสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการกับระบบการชำระเงินไทยในปัจจุบัน ทั้งในประเด็นเรื่องค่าธรรมเนียม เวลาการโอน ความทั่วถึง การคงมูลค่า และความปลอดภัย ซึ่งระบบการชำระเงินไทยในปัจจุบันตอบโจทย์มากกว่า

 

ที่มา : reporter journey
https://reporter-journey.com/3460/

Visitors: 1,215,947