คิฮาจิโร่ โอนิซึกะ ผู้ก่อตั้ง Onitsuka Tiger ที่อยากสร้างรองเท้าดี ๆ ให้คนรุ่นใหม่มีกำลังใจ

คิฮาจิโร่ โอนิซึกะ ผู้ก่อตั้ง Onitsuka Tiger ที่อยากสร้างรองเท้าดี ๆ ให้คนรุ่นใหม่มีกำลังใจ

 

Onitsuka Tiger คือรองเท้าคลาสสิกสัญชาติญี่ปุ่น ที่ผู้ก่อตั้งอย่าง ‘คิฮาจิโร่ โอนิซึกะ’ ต้องการทำขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจคนรุ่นใหม่สร้างชาติหลังประเทศญี่ปุ่นผ่านสงครามมา

  • เมื่อนึกถึงรองเท้าสัญชาติญี่ปุ่น เชื่อว่า จะอยู่ในอันดับต้น ๆ 
  • รองเท้าแบรนด์นี้ มี ‘คิฮาจิโร่ โอนิซึกะ’ นายทหารผ่านศึกเป็นผู้ก่อตั้ง และนี่คือเรื่องราวของ Onitsuka Tiger 

เชื่อเลยว่า ‘Onitsuka Tiger’ คือรองเท้าคลาสสิกสัญชาติญี่ปุ่นที่ครองใจใครหลายคนมาเนิ่นนาน ด้วยลวดลายเส้นสายข้างรองเท้าอันมีเอกลักษณ์ มีคุณภาพในการสวมใส่ 

และอาจจะยิ่งติดใจเข้าไปอีกเมื่อได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังผู้สร้างมันขึ้นมา นั่นก็คือ ‘คิฮาจิโร่ โอนิซึกะ’ (Kihachiro Onitsuka) นายทหารผ่านศึกที่อยากสร้างรองเท้าให้คนรุ่นใหม่มีกำลังใจหลังจากพ่ายแพ้สงคราม

โอนิซึกะเกิดที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1918 ปีที่เขาเกิดคือจุดสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 1 พอดี ทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนไปทางบวก อนาคตที่สดใสกำลังรออยู่ ญี่ปุ่นเองก็เร่งพัฒนาประเทศจนทัดเทียมชาติตะวันตกได้แล้ว 

แต่ใครจะไปรู้ว่า ในอีกสองทศวรรษต่อมา สงครามจะปะทุขึ้นอีกครั้ง สำหรับหลายคนเมื่อเรียนจบก็มักหางานทำ เริ่มต้นชีวิตการทำงานอย่างมีความหวัง แต่สำหรับโอนิซึกะเมื่ออายุได้ 22 ปี ญี่ปุ่นก็ได้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ! และเขาเองต้องเข้าร่วมในสนามรบเช่นกัน

 

อย่างที่เราทราบกัน ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามอย่างย่อยยับ บ้านเมืองพังพินาศ สิ่งที่พังยิ่งกว่าคือสภาพจิตใจของผู้คน ความพ่ายแพ้ของประเทศญี่ปุ่น ได้สร้างเจเนอเรชันคนรุ่นใหม่ที่สิ้นหวัง บอบช้ำ มีแผลเป็นในใจตั้งแต่เด็ก มาวันนี้โอนิซึกะที่มีสถานะเป็นนายทหารผ่านศึกคนหนึ่งก็บอบช้ำไม่แพ้กัน แต่ก็เริ่มต้นชีวิตใหม่เข้าสู่การทำงาน

แต่แล้วเขาก็โดนซ้ำเติมจากหัวหน้าไปอีก เพราะเริ่มทำงานประจำในออฟฟิศเป็นมนุษย์เงินเดือนได้เพียง 3 ปีก็ทนต่อไปไม่ได้ เนื่องจากหัวหน้าไม่รับฟังความคิดเห็นของเขาเลย เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เขาได้แต่ทำงานตามคำสั่งไปอย่างนั้น จึงตัดสินใจลาออก แม้ไม่รู้อนาคตจะไปจบตรงไหน

กีฬา กีฬา คือยาวิเศษ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อนาคตญี่ปุ่นย่อมขึ้นอยู่กับคนรุ่นใหม่ เพื่อต้องช่วยกันสร้างชาติขึ้นมาใหม่

โอนิซึกะซึ่งก็ถือเป็นคนรุ่นใหม่เช่นกัน ได้ตั้งคำถามขึ้นในใจว่า แล้วบทบาทของเขาเองจะช่วยทำอะไรได้บ้าง? ในฐานะจิ๊กซอว์เล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งจากทั้งประเทศ?

เขาขบคิดอยู่นานจนตกผลึกออกมาเป็นคำตอบที่ค่อนข้างเรียบง่ายแต่ทรงพลัง 

เขาคิดว่า ‘กีฬา’ คือโซลูชันหนึ่งที่สามารถปูพื้นฐานทางความคิดและสภาพจิตใจหลาย ๆ อย่าง กีฬามีพลานุภาพและอิทธิพลในการเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนสภาพร่างกายและจิตใจของคนเรา และสามารถเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ในชีวิตได้เลย 

เพราะกีฬาเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ลดทอนความขัดแย้ง สานสะพานแห่งความสัมพันธ์ กีฬาสอนให้เรารู้จักแพ้ชนะ กีฬาหล่อหลอมความสามัคคี กระตุ้นความท้าทาย และสปิริตความเป็นทีม กีฬาเปิดเผยตัวตนภายในของเราในมุมที่ปกติเราอาจไม่เผยและไม่รู้มาก่อน

แต่โอนิซึกะไม่ได้ต้องการเป็นนักกีฬา หากแต่ทำให้คนที่มีความเป็นนักกีฬาในหัวใจต่างหาก เขาหาจุดยืนตรงนี้ด้วยการ ‘ผลิตรองเท้าดี ๆ’ ให้นักกีฬาใส่ โดยเฉพาะรองเท้าบาสเกตบอล

รองเท้าบาส

ปี 1949 จุดเริ่มต้นของ ‘Onitsuka Tiger’ เกิดจาก ‘รองเท้าบาสเกตบอล’ และมีเสือเป็นสัญลักษณ์ เพราะเสือเป็นสัตว์ที่โอนิซึกะชื่นชอบ มันทรงพลัง น่าเกรงขาม พร้อมพุ่งชนเป้าหมาย 

แล้วทำไมต้องเป็นรองเท้าบาสเกตบอล เนื่องจากเขามองว่าเป็นหนึ่งประเภทรองเท้ากีฬาที่ผลิตยากที่สุดในยุคนั้น 

ถ้าเขาทำสิ่งที่ยากที่สุดได้ เรื่องอื่นก็น่าจะทำได้ หรือหากทำสิ่งยากสุด ๆ ไม่สำเร็จ ก็อาจลงมาอยู่ช่วงกลาง ๆ ที่มาตรฐานยังสูงอยู่ดี กล่าวคือ ถ้าไปไม่ถึง 100 ก็อาจหล่นลงมาเหลือ 70 - 80 ซึ่งสำหรับเขาถือว่าดี

แต่ไอเดียความคิดบางทีก็ไม่ตรงกับความจริง เพราะรองเท้าบาสรุ่นแรกที่เขาคิดค้นกลับ ‘ถูกตีกลับ’ อย่างไม่ไยดี แถมโดนตำหนิว่า นี่ไม่น่าจะเรียกว่ารองเท้าบาสด้วยซ้ำ เพราะไม่มีคุณภาพมากพอ 

แทนที่จะยอมแพ้ เขากลับเดินไปสังเกตการออกท่าทางขาของผู้เล่นในยิมและสอบถามความคิดเห็นเพื่อเป็นไอเดียในการหาวัตถุดิบสำหรับแก้ไข โดยเขาได้รวบรวมนำฟีดแบ็กกลับไปปรับปรุงพัฒนา 

และนี่ถือเป็นคาแรกเตอร์ของความเป็นผู้ประกอบการ คือต้องสามารถเรียนรู้จากความล้มเหลวได้ เพื่อนำฟีดแบ็กกลับไปพัฒนาแบบตรงจุด 

ไอเดียบรรเจิดเริ่มจากสังเกตสิ่งรอบตัว

ไม่ต่างจากการเห็นแอปเปิลตกจากต้นไม้แล้วฉุกคิดเกิดไอเดียมหัศจรรย์เปลี่ยนโลก

วันหนึ่งขณะที่โอนิซึกะกำลังกิน ‘สลัดปลาหมึก’ อยู่ที่บ้านตัวเองได้สังเกตว่า เมื่อใช้ตะเกียบคีบปลาหมึกขึ้นมาจะพบเศษหนวดปลาหมึกติดอยู่บริเวณก้นชาม จึงนำตัวดูดของปลาหมึกที่มีคุณสมบัติยึดติดเกาะสิ่งของมาออกแบบพื้นรองเท้า ซึ่งช่วยในการยึดติดเกาะได้ดีเยี่ยม เมื่อใช้กับกีฬาบาส จึงช่วยในการเบรก กระโดด ทรงตัวต่าง ๆ ได้อย่างดี

ท้ายที่สุดในปี 1951 ทีมบาสเกตบอลก็ให้การยอมรับรองเท้า Onitsuka Tiger แถมโชคเข้าข้างไปอีกเมื่อผู้เล่นที่นำไปสวมใส่คว้าแชมป์ได้รับชัยชนะ! ทำให้รองเท้าของเขาเริ่มถูกพูดถึง

โอนิซึกะนำแบรนด์ไปสร้างชื่อเสียงก้าวกระโดดอีกครั้งเมื่อญี่ปุ่นจัดงาน ‘โตเกียวโอลิมปิก’ เมื่อปี 1964 ซึ่งนักกีฬาญี่ปุ่นมากมายได้ใส่รองเท้า Onitsuka Tiger ออกไปแข่งขันให้ชาวโลกเห็น

จุดเปลี่ยนสำคัญของแบรนด์ที่เป็นระดับ ‘ไอคอน’ เกิดขึ้นในปี 1966 ด้วยการเกิดขึ้นของ ‘ลายเส้น’ เอกลักษณ์ประจำแบรนด์ติดข้างรองเท้าที่อยู่มาถึงทุกวันนี้ โดยนำมาใช้เปิดตัวในรองเท้า ‘รุ่น Mexico 66’ ที่ใช้ในงานโอลิมปิกที่เม็กซิโก

โลโก้คลาสสิก

แนวคิดหนวดปลาหมึกไม่เพียงช่วยยึดติดเกาะเท่านั้น แต่โอนิซึกะยังใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบโลโก้คลาสสิกในตำนานของ Onitsuka Tiger ออกมาเป็นเส้นสายลวดลาย 4 เส้นราวกับเลื้อยไปมาคล้ายหนวดปลาหมึกโดยมีตะเกียบคีบอยู่

เวลาต่อมา โลโก้นี้เองกลายเป็นสินทรัพย์ของแบรนด์ที่มีมูลค่ามหาศาล ช่วยสร้างการจดจำ เพิ่มมูลค่าแบรนด์ เข้ากับสีสันลูกเล่นของลายรองเท้าได้เป็นอย่างดี เช่น รองเท้าสีขาว เส้นสีแดง-น้ำเงิน อันคลาสสิกที่หลายคนคุ้นเคย 

ในเวลาต่อมา ลายเส้นอันคลาสสิกของ Onitsuka Tiger นี้ได้ไปอยู่บนรองเท้าวิ่ง รองเท้าฟุตบอล รองเท้ากอล์ฟ รองเท้าวอลเลย์บอล ไปถึงรองเท้าแฟชั่นใส่เที่ยวต่าง ๆ ของแบรนด์ที่เพิ่มไลน์ผลิตออกมามากมาย เรียกว่าผลิตรองเท้ากีฬาได้ตามใจอยากของโอนิซึกะในที่สุด

ในปี 1969 ‘ฟิล ไนต์’ (Phil Knight) เดินทางมาญี่ปุ่นและประทับใจรองเท้า Onitsuka Tiger มาก ๆ จึงติดต่อโอนิซึกะเพื่อโชว์วิสัยทัศน์และแพสชันสำหรับขอเป็นตัวแทนจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี แต่หลังจากนั้นเกิดติดปัญหาเรื่องสัญญาธุรกิจและความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันบางอย่าง จนไม่สามารถส่งรองเท้ามาให้ขายได้อีกต่อไป และต่อมาฟิล ไนต์ ก็ยังได้ก่อตั้งบริษัท Nike ขึ้นมา

ก้าวกระโดดไม่รู้จบ

ในปี 1977 เมื่อแบรนด์ประสบความสำเร็จใหญ่มากพอ Onitsuka Tiger ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท GTO และบริษัท JELENK ที่ทำสินค้าเกี่ยวกับกีฬา เกิดเป็นบริษัท ASICS ขึ้นมา

ในแง่ของเรื่องราวชื่อแบรนด์ ASICS ย่อมาจากภาษาละตินที่เรียกว่า Anima Sana In Corpore Sano หมายความว่า ‘จิตใจที่แจ่มใสอยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์’

เมื่อเป็นเช่นนี้ โอนิซึกะได้วางตำแหน่งสินค้าโดยให้ Onitsuka Tiger มีภาพลักษณ์เป็นแบรนด์แฟชั่นไปเลย ขณะที่ให้ ASICS โฟกัสที่ความเป็นรองเท้ากีฬาโดยเฉพาะ และเป็นครั้งแรกที่ลวดลายเส้นของ Onitsuka Tiger ได้ถูกนำไปใช้ในรองเท้า ASICS จนถึงทุกวันนี้

กาลเวลาล่วงเลยผ่านมาถึงปัจจุบัน Onitsuka Tiger กลายเป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ลวดลายเส้นสายยังคงอยู่อย่างคลาสสิกไม่เสื่อมคลาย ซึ่งแพสชันแรงบันดาลใจของโอนิซึกะในวันนั้นที่อยากมีส่วนช่วยเล็ก ๆ ในการสร้างชาติให้คนรุ่นใหม่ ด้วยการขอให้ผู้คนมีกำลังใจสู้ต่อไป…ดูจะเป็นจริงแล้ว

.

ภาพ : Onitsukstiger

.

อ้างอิง 

.

onitsukatiger

asics

runnersworld

runnersworld2


Visitors: 1,219,323