เช็กลิสต์ วิกฤตวัยกลางคน (Midlife Crisis) ที่คุณอาจกำลังเผชิญไม่รู้ตัว

เช็กลิสต์ วิกฤตวัยกลางคน (Midlife Crisis) ที่คุณอาจกำลังเผชิญไม่รู้ตัว

 

 

Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน ที่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่อยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกาย เช่น สภาพความเสื่อมของร่างกาย การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน รวมถึงความเครียดหรือ โรคเครียด จากเรื่องของหน้าที่การงาน ความสำเร็จในชีวิต ภาระในครอบครัว เป้าหมายในชีวิต การสูญเสียบุคคลในครอบครัว เป็นต้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อาจทำให้คนในวัย 40 ปีขึ้นไปเกิดคำถามและความกังวลในชีวิตจนเกิดเป็น Midlife Crisis ได้ 

 
 
 
เช็กลิสต์ วิกฤตวัยกลางคน (Midlife Crisis) ที่คุณอาจกำลังเผชิญไม่รู้ตัว

เช็กลิสต์ สัญญาณ Midlife Crisis

  • ตั้งคำถามกับชีวิต ผู้ที่มีภาวะ Midlife Crisis มักตั้งคำถามว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือยัง หรือบางครั้งอาจรู้สึกว่าชีวิตขาดความหมาย
  • เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต กลุ่มวัยกลางคนมักเกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน เช่น การงาน ครอบครัว หรือความสัมพันธ์
  • เริ่มตระหนัก มีความกังวลถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น วิกฤตวัยกลางคนอีกอย่างหนึ่งคือการเริ่มตระหนักถึงการแก่ตัวลงและการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ บางคนอาจสงสัยว่านี่เรากำลังเป็น โรควิตกกังวล หรือเปล่า
  • มองหาความหมายในชีวิต มีความพยายามในการค้นหาความหมายหรือเป้าหมายใหม่ในชีวิต

อาการอื่น ๆ ที่อาจพบร่วม

  • พฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น แยกตัวออกจากสังคม ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากขึ้น
  • ความสัมพันธ์กับผู้อื่นเกิดความเปลี่ยนแปลง
  • ไม่อยากพูดคุยกับใคร
  • คิดวกวนถึงเหตุการณ์ในอดีต เช่น คิดถึงวัยเด็ก คิดถึงคนรักเก่า คิดถึงช่วงชีวิตที่ไม่ต้องมีความรับผิดชอบมาก
  • เปรียบเทียบความสำเร็จหรือความล้มเหลวของตนเองกับผู้อื่น
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลง เช่น โกรธ หงุดหงิด รู้สึกเบื่อ ว่างเปล่า อาลัยอาวร เศร้า ไร้เป้าหมาย
  • มีอาการหมดไฟ หรือ Burn out
  • หมกมุ่นเรื่องศาสนา ลัทธิ หรือความเชื่อต่าง ๆ มากขึ้น
  • มีปัญหานอนไม่หลับ
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลง
  • ครุ่นคิด ตรึกตรองถึงความผิดพลาดในอดีต

สาเหตุ Midlife Crisis

  • การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เช่น ความเสื่อมของสุขภาพ การสูญเสียความแข็งแรงทางด้านร่างกาย โรคประจำตัวหรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และความกังวลต่อรูปลักษณ์ของตนเอง
  • ความสำเร็จและเป้าหมายในชีวิต สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เราตั้งคำถามหรือเกิดการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นว่าเราประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง หรือเป้าหมายในชีวิตเราจริง ๆ แล้วคืออะไร
  • การเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงาน การเกษียณอายุ หรือการลดบทบาทในหน้าที่การงาน อาจทำให้รู้สึกสูญเสียคุณค่าและความสำเร็จที่เคยมีในตอนหนุ่มสาว
  • ครอบครัว การอยู่เป็นโสด หรือการที่ต้องเห็นเพื่อน ๆ หรือคนรอบตัวทยอยแต่งงานกันไป การที่ลูก ๆ เติบโตและย้ายออกจากบ้าน (Empty Nest Syndrome) การต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ตัว หรือการสูญเสียคนใกล้ชิด อาจสร้างความรู้สึกเหงาและความวิตกกังวล
  • ปัญหาการเงิน ได้ว่าน่าจะเป็นปัญหาใหญ่ของผู้เผชิญ Midlife Crisis หลายคน เช่น การเป็นหัวหน้าครอบครัว การมีลูก หรือการเกษียณ จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้นกว่าในอดีต ทำให้เกิดความเครียดและความกดดันอย่างมาก

ระดับของ Midlife crisis

  • ระดับเล็กน้อย เราอาจรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตหรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่ยังคงสามารถรับมือและดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ความรู้สึกเหล่านี้อาจเป็นเพียงชั่วคราวและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อการดำเนินชีวิต
  • ระดับปานกลาง มีความรู้สึกถึงความไม่พอใจหรือความวิตกกังวลที่มากขึ้น เริ่มมีการทบทวนชีวิตและตั้งคำถามเกี่ยวกับความสำเร็จและเป้าหมายของตน อาจเริ่มแสดงพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลง เช่น การหางานใหม่ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต หรือการหาความสนใจใหม่ ๆ
  • ระดับรุนแรง อาจเกิดการเผชิญกับความวิตกกังวลและความรู้สึกไม่พอใจอย่างหนัก ความรู้สึกเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ส่วนตัว การทำงาน และการดำเนินชีวิตประจำวัน อาจมีพฤติกรรมที่เสี่ยง เช่น การใช้สารเสพติด การมีความสัมพันธ์นอกสมรส หรือการตัดสินใจที่ไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ในระยะยาว

วิกฤตวัยกลางคน ต่างจากโรคซึมเศร้าอย่างไร ?

  • วิกฤตวัยกลางคน มักเกิดขึ้นในช่วงวัยกลางคนช่วงอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่ดเราเริ่มทบทวนชีวิต และอาจรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ทำมา หรือรู้สึกว่าตัวเองพลาดโอกาสบางอย่างในชีวิต

ทำให้เกิดอาการรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตปัจจุบัน ต้องการเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง เช่น งาน คู่ครอง หรืองานอดิเรก และอาจมีการกระทำที่แตกต่างจากพฤติกรรมปกติ เช่น การซื้อของราคาแพง หรือตัดสินใจเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอย่างฉับพลัน สาเหตุของการเกิด Midlife Crisis มักเกิดจากการทบทวนและเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับผู้อื่น ความรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้ทำสิ่งที่ต้องการ หรือความกลัวเกี่ยวกับอนาคตและความชรา

 
  • โรคซึมเศร้า เป็นโรคทางจิตเวชที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงอายุ มักมีผลกระทบอย่างต่อเนื่องและยาวนาน อาการที่พบคือ มีความคิดทำร้ายตนเองหรือมีความคิดฆ่าตัวตาย รู้สึกเศร้า หดหู่ สิ้นหวัง ไม่มีความสุขหรือความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ มีปัญหาการนอนหลับหรือการกิน เหนื่อยง่าย รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า

สาเหตุมักเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความเครียดที่สะสมอย่างยาวนาน สารเคมีหรือสารสื่อประสาทในสมองผิดปกติ โรคทางพันธุกรรม หรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมได้

รับมือกับวิกฤตวัยกลางคน

  • ยอมรับความรู้สึกของตนเอง
  • พูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจ การแบ่งปันความรู้สึกและปัญหากับเพื่อน ครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา
  • ตั้งเป้าหมายใหม่ คิดและวางแผนตั้งเป้าหมายใหม่ในชีวิต อาจเป็นเรื่องการทำงาน การเรียนรู้สิ่งใหม่ หรือการพัฒนาตนเอง
  • ดูแลสุขภาพกายและใจ ออกกำลังกายเป็นประจำ กินอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนอย่าง เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับความเครียด
  • หาเวลาสำหรับกิจกรรมที่ชอบ เช่น การท่องเที่ยว การทำงานอดิเรก หรือการ ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อน
  • ลองทำสิ่งใหม่ที่สามารถทำให้คุณรู้สึกมีพลังและมีความสุข
  • ฝึกคิดแบบยืดหยุ่น
  • ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและการรักษาอย่างเหมาะสมได้เสมอ

Midlife Crisis ป้องกันได้อย่างไร

  • ตั้งเป้าหมายชีวิตที่สมดุล ไม่ยึดติดกับเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งมากเกินไป
  • พัฒนาทักษะการปรับตัว เช่น การบริหารจัดการเวลา และการคิดเชิงบวก เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น
  • ดูแลสุขภาพกายและใจ ออกกำลังกายเป็นประจำ กินอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับให้เพียงพอ นอกจากนี้ยังควรฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิหรือโยคะ
  • สร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว เพื่อน สามารถช่วยลดความเครียดและช่วยเพิ่มกำลังใจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
  • เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการงานหรือด้านที่สนใจส่วนตัว การเรียนรู้ตลอดชีวิตช่วยให้รู้สึกมีคุณค่าและมีความก้าวหน้า
  • ตั้งเป้าหมายด้านการเงิน การวางแผนการเงินที่ดีสามารถลดความเครียดและความกังวล
  • ค้นหาความหมายและคุณค่าในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การช่วยเหลือผู้อื่น หรือการมีส่วน
  • ร่วมในกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคม

หากรู้สึกว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิด Midlife Crisis ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ ซึ่งสามารถดีขึ้นได้ด้วยการปรับตัว ปรับความคิด และรับการบำบัดด้านจิตใจ ยิ่งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเร็วก็จะยิ่งช่วยบรรเทาความรู้สึกได้ดีขึ้น

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : BeDee

ที่มา : https://www.msn.com/th-th/news

 

 

 

Visitors: 1,539,748