จำเป็นไหมที่ต้องมี ‘เพื่อนซี้’ ในที่ทำงาน ผลการวิจัยกล่าว มีบ้างก็ได้เพราะดีต่อสุขภาพใจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

จำเป็นไหมที่ต้องมี ‘เพื่อนซี้’ ในที่ทำงาน ผลการวิจัยกล่าว มีบ้างก็ได้เพราะดีต่อสุขภาพใจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
 
.
‘เพื่อนที่ทำงาน’ คือหัวข้อบทสนทนาที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันบ่อยครั้งในโลกออนไลน์ มีทั้งคนที่มาแชร์ประสบการณ์ว่าเจอเพื่อนร่วมงาน toxic ต้องทำอย่างไรดี บางคนบอกเพื่อนที่ทำงานไม่ต้องมีก็ได้ หน้าที่เราแค่มาทำงานแล้วก็กลับบ้านไปใช้ชีวิตส่วนตัวไม่จำเป็นต้องไปสนิทด้วย ขณะเดียวกันเสียงจากอีกฝั่งกลับแย้งว่า การผูกสัมพันธ์กับเพื่อนที่ทำงานไว้เป็นเรื่องที่ดี และหลายคนก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย
.
วันนี้เราจึงชวนมาดูคำตอบของการศึกษาที่วิจัยเกี่ยวกับ การมีเพื่อนในที่ทำงานนั้นจำเป็นไหม แล้วต้องซี้กันด้วยหรือเปล่า?
.
โดยผลลัพธ์ของการศึกษาที่จัดทำโดยนักวิจัยในสเปน ญี่ปุ่น เยอรมนี ไอซ์แลนด์ อิสราเอล และอื่นๆ เป็นไปในทางเดียวกันว่า การมีเพื่อนในที่ทำงานไม่เพียงเพิ่มความพึงพอใจในงานและประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สุขภาพดีขึ้นด้วย เพราะหากมีเพื่อนที่ทำงานที่ดีจะช่วยให้ความเสี่ยงต่อภาวะหมดไฟลดลง สุขภาพจิตดีขึ้น ประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจน้อยลง และอาจมีอายุยืนยาวขึ้น
.
ในทางกลับกัน งานวิจัยก็บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ความเหงา ไม่ดีต่อสุขภาพเพราะเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน เนื่องจากความเหงาเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล ภาวะสมองเสื่อม การใช้สารเสพติด การทำร้ายตัวเอง และปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
.
ขณะที่การวิจัยในปีที่ผ่านมาของ คอนสแตนซ์ แฮดลีย์ นักจิตวิทยาองค์กรและผู้บรรยายที่ Questrom School of Business ของมหาวิทยาลัยบอสตัน ในสหรัฐอเมริกา ได้ชี้ให้เห็นว่าความเหงาในที่ทำงานเป็นเรื่องปกติ โดยพบว่า 76 เปอร์เซ็นต์ ของผู้บริหารมีปัญหาในการติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน และ 58 เปอร์เซ็นต์ รู้สึกว่าความสัมพันธ์ในที่ทำงานของพวกเขานั้นอยู่ในระดับผิวเผินเท่านั้น
.
และดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้จะยิ่งรุนแรงขึ้นในช่วงที่เกิดโรคแพร่ระบาด ที่ทำให้ทุกคนต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้าน รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไปจากในออฟฟิศเป็นการทำงานที่บ้าน และช่วงเวลานี้เองที่เกิดการปฏิวัติรูปแบบการทำงานให้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่สามารถทำงานที่บ้านได้ (work from home) แต่เปลี่ยนเป็นสามารถทำงานจากที่ไหนแล้วก็ได้ (work from anywhere) ขอเพียงแค่รับผิดชอบหน้าที่และภาระได้ก็เพียงพอ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานน้อยลง และหลายคนรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น
.
แฮดลีย์ ยังอธิบายว่า การมีมิตรภาพที่ดีในที่ทำงานยังเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนทางสังคมที่สัมพันธ์กับการสนับสนุนทางอารมณ์อีกด้วย เช่น การไปกินข้าว แฮงก์เอาต์กันหลังเลิกงาน แลกเปลี่ยนและแชร์ประสบการณ์ ความรู้สึก และความคิดเห็นต่อกันและกัน รวมถึงในรูปแบบอื่นๆ เช่น ช่วยแบ่งเบาภาระในวันที่คุณยุ่งกับงานที่กำลังรัดตัว แม้แต่การปฏิสัมพันธ์ที่ค่อนข้างเล็กน้อย เช่น หัวหน้าอนุญาตให้คุณออกไปก่อนเวลาเพื่อไปทำธุระด่วน ก็สามารถลดผลกระทบด้านลบจากความเครียด ทำให้รู้สึกดีต่อสังคมการทำงานของตัวเอง และเพิ่มแรงในการทำงานมากขึ้น
.
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนยังคงกังวลใจคือ จำเป็นไหมที่จะต้องสนิทจนถึงขั้นซี้กัน?
.
คิม ซามูเอล ผู้เขียนหนังสือ ‘On Belonging: ค้นหาการเชื่อมต่อในยุคแห่งความโดดเดี่ยว’ กล่าวว่า แม้การมีเพื่อนสนิทในที่ทำงานจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็อาจไม่จำเป็น หากคุณไม่ได้รู้สึกสบายใจให้พวกเขาก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งคงตรงใจใครหลายคน ต่อให้การสานสัมพันธ์กับผู้คนที่เราต้องอยู่ร่วมกันเป็นเรื่องที่ดี และช่วยสนับสนุนให้ทำกิจกรรมใดๆ ก็ตามเป็นไปอย่างราบรื่น แต่การเคารพความต้องการ และความสบายใจก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
.
เอาเป็นว่า การมีปฏิสัมพันธ์ คอยสานสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานย่อมเป็นเรื่องดีต่อความราบรื่นในการทำงานของมนุษย์ออฟฟิศ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องประสานงานตลอดเวลา แต่เรื่องความสนิทสนมจะอยู่ในระดับไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน ถ้าคุณสบายใจจะสนิทในระดับไหน ก็ทำตามความสบายใจของตัวเองได้เลย แต่เราไม่จำเป็นต้องทน หรือเอาสุขภาพจิตไปแลกกับเพื่อนร่วมงานที่ทำตัวห่วยๆ
.
อ้างอิง: Why Work Friends Are Crucial for Your Health
 
 
 
 
Visitors: 1,229,270