อยากร้องก็ร้อง! ว่าแต่การร้องไห้ดีต่อผิวไหม?

อยากร้องก็ร้อง! ว่าแต่การร้องไห้ดีต่อผิวไหม?
 
.
‘น้ำตา’ เป็นสิ่งสำคัญต่อดวงตา ทั้งคอยช่วยหล่อเลี้ยงดวงตาไม่ให้แห้งหรือเกิดปัญหาในภายหลัง ซึ่งการร้องไห้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพดวงตา เป็นกระบวนการทางชีววิทยาตามธรรมชาติ ที่ช่วยให้แสดงความเจ็บปวดและอารมณ์
.
ไม่ว่าจะเสียน้ำตาบ่อยแค่ไหน เคยคิดไหมว่าการเสียน้ำตาส่งผลดีต่อผิวหน้าหรือไม่?
.
แน่นอนว่าการร้องไห้เป็นสิ่งที่ยากจะควบคุมสำหรับใครบางคน เพราะฉะนั้นถ้าเกิดการร้องไห้ขึ้นมา สิ่งสำคัญคือเราจะจัดการตัวเองระหว่างร้องไห้และหลังร้องไห้ยังไงดี ซึ่งการจัดการบางอย่างนี้สามารถสร้างความแตกต่างในการตอบสนองของผิวได้ แพทย์หลายคนอธิบายว่า สุขอนามัยและการดูแลผิวที่ดี สามารถทำให้ผิวสะอาดกระจ่างใสได้
.
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าใน ‘น้ำตา’ มีอะไร และสิ่งเหล่านั้นส่งผลยังไงกับผิว ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหลังการร้องไห้คือ เราจะรู้สึกความระคายเคืองเล็กน้อย แม้จะเช็ดจนแห้งแล้วก็ตาม นั่นก็เพราะน้ำตาเป็นไอโซโทนิก (Isotonic) ซึ่งใกล้เคียงกับน้ำเกลือที่ใช้ในการเตรียมของเหลวในหลอดเลือดดำ แต่ค่า pH ของน้ำตาสูงกว่าผิวหนัง
.
เมลานี พาล์ม (Melanie Palm) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการและศัลยแพทย์ตกแต่งผิวหนัง Art of Skin MD กล่าวว่า น้ำตามักจะมี pH ใกล้ 7 ขณะที่ผิวหนังมี pH 5.5 หรือ 6 แม้ว่าการสัมผัสกับน้ำตาในระยะสั้นจะไม่เป็นอันตราย แต่การได้รับน้ำตาเป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวที่ชุ่มชื้นเปลี่ยนแปลงหรือระคายเคืองเล็กน้อย เนื่องจากความแตกต่างของค่า pH
.
แต่ไม่ใช่แค่ค่า pH เท่านั้นที่สำคัญ สิ่งที่ทำระหว่างและหลังร้องไห้สามารถสร้างความแตกต่างได้ เพราะการขยี้ตาหรือใช้ทิชชูเช็ดหน้าอาจส่งผลต่อผิวทำให้เกิดการอักเสบ ทำให้ผิวคล้ำขึ้น และอาจระคายเคืองต่อสิวในบางกรณี
.
ไม่ว่าจะการผลิตน้ำตาและการหลั่งน้ำตามีผลกระทบต่อใบหน้าทั้งหมด ดังที่ แด็กนี ซู (Dagny Zhu) จักษุแพทย์จาก Harvard Medical School บอกไว้ว่า เมื่อคนเราร้องไห้ หลอดเลือดรอบดวงตา ใบหน้า และจมูกจะขยายออกด้วยการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดอาการบวมแดง
.
หากจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัวและลดการร้องไห้ควรล้างหน้าด้วยน้ำเย็นหรือใช้ประคบเย็นที่เปลือกตา นอกจากนี้ยังสามารถดื่มน้ำและทามอยส์เจอไรเซอร์ที่มีสควาลีน เซราไมด์ หรือกรดไฮยาลูโรนิกเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและลดการระคายเคืองด้วย
.
แม้ว่าการร้องไห้อาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองเล็กน้อย แต่ในเชิงสุขภาพจิตและร่างกายแล้ว การร้องไห้ถือเป็นการระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาในรูปแบบของน้ำตาและทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ แม้ในช่วงแรกอาจรู้สึกเหนื่อยล้าหลังน้ำตาหยุดไหล แต่มันทำให้สบายใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
.
การร้องไห้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต สำหรับบางคนมันอาจเกิดขึ้นเป็นประจำ ในขณะที่บางคนอาจร้องไห้เป็นบางครั้งเท่านั้น ไม่ว่าจะปล่อยให้น้ำตาไหลบ่อยแค่ไหน การดูแลผิวใต้ตาและรอบดวงตาระหว่างและหลังร้องไห้ สามารถสร้างความแตกต่างในการตอบสนองของผิวได้
.
หลีกเลี่ยงการขยี้ตาถ้าเป็นไปได้ เพราะสิ่งนี้มันเพิ่มอาการบวมแดง สีใต้ดวงตาเปลี่ยนไปและอาจทำให้ผิวแย่ลง
.
 
 
Visitors: 1,213,654