เกิดอะไรขึ้นในโลกคริปโต จนราคา Bitcoin ดิ่งกว่า 30% แต่ข่าวดีคือการถล่มลงมาจะไม่ทำให้เศรษฐกิจพังไปด้วย
เกิดอะไรขึ้นในโลกคริปโต จนราคา Bitcoin ดิ่งกว่า 30% แต่ข่าวดีคือการถล่มลงมาจะไม่ทำให้เศรษฐกิจพังไปด้วย
ราคาของ Bitcoin ร่วงลงไปถึงประมาณ 17,600 ดอลลาร์ ลดลงไปกว่า 30% ภายใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยภาพรวมแล้วปัจจัยที่กดดันราคา Bitcoin ประกอบไปด้วยหลายส่วน ทั้งแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่หมุนวนขึ้นไปต่อเนื่อง ตามมาด้วยการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และด้วยสภาวะตลาดที่แย่ลงทำให้บริษัทด้านคริปโตตัดสินใจปลดพนักงาน รวมไปถึงการล้มละลายของบริษัทชื่อดังในอุตสาหกรรม 13 มิถุนายน 2022เปิดสัปดาห์ด้วยการที่ราคา Bitcoin ดิ่งลงถึง 17% ส่งผลให้ Celsius หนึ่งในผู้ให้บริการรับฝากและกู้ยืมคริปโต ตัดสินใจระงับธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถอน การแลกเปลี่ยน และการโอนระหว่างบัญชี
การตัดสินใจของ Celsius ทำให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัท รวมมูลค่าประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ถูกแช่แข็งทันที ตามมาด้วยความกังวลว่าแพลตฟอร์มชื่อดังอาจจะล่มสลายลง
Celsius เป็นที่รู้จักในวงกว้างในฐานะแพลตฟอร์มที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 18.63% สำหรับผู้ที่ฝากสินทรัพย์ไว้กับบริษัท ขณะที่ John Todaro รองประธานกรรมการของ Needham กล่าวว่า ความเสี่ยงดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
“สิ่งที่ผมจะพูดคือฝั่งของ decentralized โปรโตคอล DeFi จำนวนมากปล่อยกู้ในปริมาณที่มากเกินไป เราจึงเห็นการบังคับขายสินทรัพย์ตามมาจำนวนมาก และหลักประกันจะถูกขายออกไป”
14 มิถุนายน 2022ราคา Bitcoin ดูเหมือนจะยืนอยู่ได้เหนือระดับ 20,000 ดอลลาร์ และมีจังหวะที่ราคาฟื้นตัวกลับไปแตะระดับ 22,000 ดอลลาร์ ในขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ของ Celsius รวมถึงการที่บริษัทอย่าง Coinbase ประกาศปลดพนักงาน 1 ใน 5 ของพนักงานทั้งหมด
บริษัทด้านคริปโตทั้งหมดในอุตสาหกรรมดูเหมือนจะมองหาทางในการลดต้นทุน หลังจากที่นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและลดปริมาณการเทรดลง บริษัทอย่าง Crypto.com ประกาศปลดพนักงาน 260 คน Gemini ปลดพนักงาน 10%
15 มิถุนายน 2022ความกังวลต่อปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นต่อบริษัทด้านคริปโตยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีของ MicroStrategy ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนที่ถือครอง Bitcoin อยู่มากที่สุดในโลก ด้วยเงินลงทุนราว 4 พันล้านดอลลาร์
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา MicroStrategy กู้เงิน 205 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาลงทุนใน Bitcoin และใช้ Bitcoin ที่ถือครองอยู่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ขณะที่มีกระแสข่าวออกมาว่าหากราคา Bitcoin ร่วงต่ำกว่า 21,000 ดอลลาร์ MicroStrategy จำเป็นจะต้องวางหลักประกันเพิ่มเติม
ในประเด็นนี้ Michael Saylor ซีอีโอของบริษัท กล่าวว่า บริษัทมีสินทรัพย์หลักประกันราว 5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่กู้เงิน 200 ล้านดอลลาร์ สิ่งที่บริษัทกำลังทำเป็นสิ่งที่น่าจะดีที่สุดที่จะเป็นแนวทางให้กับธุรกิจที่ต้องการจะใช้ Bitcoin เป็นหลักประกันในอุตสาหกรรมการเงิน
เหตุการณ์สำคัญถัดมาของวันนั้นคือการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มากสุดนับแต่ปี 1994 ในช่วงแรกราคาของคริปโตต่างปรับตัวขึ้นตอบรับกับข่าว แต่การวิ่งขึ้นก็อยู่ได้ไม่นานนัก
16 มิถุนายน 2022ราคาของ Bitcoin ดิ่งลงมาใกล้กับ 20,000 ดอลลาร์อีกครั้ง ต่ำสุดนับแต่ปี 2020 พร้อมกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดิ่งลงแรงเช่นกัน
Jill Gunter ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ของ Espresso Systems กล่าวว่า เรากำลังเผชิญกับช่วงเวลาขาลงอันยาวนาน เรากำลังลงไปด้วยลิฟต์ แต่กลับขึ้นมาด้วยการเดินขึ้นบันได
“อาจจะไม่มีใครอยากได้ยิน แต่ในฐานะนักลงทุนที่อยู่ในตลาดมานาน การที่ตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยแรงเก็งกำไรระยะสั้น ตลาดคริปโตมีความร้อนแรงเกินไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา”
16-17 มิถุนายน 2022ราคาของ Bitcoin ยังเผชิญแรงขายต่อเนื่อง รวมทั้งความกังวลต่อความเสี่ยงในการล้มละลายของกองทุนและธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับคริปโต จนในที่สุดราคาของ Bitcoin ก็ลดลงมาต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์ และร่วงลงต่อเนื่องจนไปต่ำสุดที่ราว 17,600 ดอลลาร์
Charles Cascarilla ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Paxos กล่าวว่า ตลาดคริปโตเผชิญกับความไม่สมดุลด้านการเงิน ในบางมุมมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ การกู้เงินระยะสั้นเพื่อมาลงทุนระยะยาว เราแค่ไม่สามารถบอกได้ว่าความเสี่ยงเหล่านี้เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด
เศรษฐกิจโลกอาจไม่พังเพราะราคาคริปโตที่ถล่มลงมาหัวใจสำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างคริปโตและหนี้
Joshua Gans นักเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโทรอนโต (University of Toronto) กล่าวว่า คนทั่วไปไม่ได้ใช้คริปโตเป็นหลักประกันในการกู้ยืมบนเศรษฐกิจจริง คริปโตถูกใช้เป็นหลักประกันเพื่อกู้ยืมคริปโตอื่น
แม้อาจจะมีบางส่วนที่ใช้บ้าง เช่น MicroStrategy ที่กู้ยืมเงิน 205 ล้านดอลลาร์ แต่ส่วนใหญ่แล้วยังเป็นการกู้ยืมกันในโลกคริปโต ทำให้ความเสี่ยงต่อเงิน Fiat อย่างดอลลาร์ค่อนข้างจำกัด
นอกจากนี้ แม้ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นอย่างหนักในโลกคริปโต แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าของความมั่งคั่งของผู้คนทั้งหมดรวมกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ยังถือว่าน้อยอยู่มาก
อย่างในสหรัฐฯ Goldman Sachs ระบุว่า การถือครองคริปโตคิดเป็นเพียง 0.3% ของความมั่งคั่งของชาวอเมริกัน เทียบกับการถือครองหุ้นสามัญที่คิดเป็นถึง 33%
อ้างอิง:
ที่มา : Standard Wealth
|