มีม 67 คืออะไร ? - ตัวเลขไร้ความหมาย กลายเป็นคำแห่งปี 2025
|
มีม 67 คืออะไร ? - ตัวเลขไร้ความหมาย กลายเป็นคำแห่งปี 2025
มีม "67" : เมื่อตัวเลขไร้ความหมายกลายเป็น 'คำแห่งปี 2025' และนี่คืออีกมีมที่สะท้อนถึงสภาวะ 'Brainrot' สมองเน่า ในโลกอินเตอร์เน็ต! ในประวัติศาสตร์ของการบันทึกคำศัพท์ เรามักคาดหวังว่า "คำแห่งปี" (Word of the Year) จะเป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้ง สะท้อนบริบททางการเมือง หรือวิกฤตการณ์โลก แต่ในปี 2025 เว็บไซต์ Dictionary.com ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศให้ตัวเลข "67" (อ่านออกเสียงว่า "ซิกซ์-เซเว่น" ไม่ใช่ "ซิกซ์ตี้-เซเว่น") เป็นคำแห่งปี นี่ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญของกระแสไวรัล แต่เป็นหมุดหมายสำคัญที่บ่งบอกถึงอิทธิพลของ "Gen Alpha" คลื่นลูกใหม่ที่กำลังมาแรง และการเปลี่ยนแปลงของภาษาในยุคดิจิทัลที่ก้าวเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า "Brainrot" อย่างเต็มตัว "67" คืออะไร ? คำถามที่ใครหลายๆคนงงที่ถูกออกแบบให้ 'ไม่เข้าใจ'หากใครก็ตามที่มีอายุเกิน 18 ปี เป็นคนวัยทำงาน และรู้สึกงุนงงเมื่อเห็นเด็กๆ ผ่านคลิปต่างประเทศ ใน TikTok ตะโกนเลข "6-7" ใส่กันพร้อมทำท่าทางมือขึ้นลง หรือหัวเราะคิกคักกับตัวเลขนี้โดยไร้สาเหตุ โปรดจงรู้ไว้ว่า "ความไม่เข้าใจ" นั้นคือจุดประสงค์ที่แท้จริง "67" คือสแลงทางอินเทอร์เน็ตที่ถือกำเนิดบนแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok และ Instagram Reels ก่อนจะระบาดไปทั่วโลก หัวใจสำคัญของมันคือ "ความไร้สาระ" (Absurdity) ความสำคัญของ "67" ในฐานะคำแห่งปี 2025 จึงไม่ใช่เรื่องของความหมายทางภาษาศาสตร์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการขบถทางวัฒนธรรม และพลังของชุมชนออนไลน์ที่สามารถเปลี่ยน "ความว่างเปล่า" ให้กลายเป็น "เทรนด์โลก" ได้
มีม 67 คืออะไร ? - ตัวเลขไร้ความหมาย กลายเป็นคำแห่งปี 2025 แกะรอยที่มา: จากเพลงแร็ป-ส่วนสูงนักบาสสู่ไวรัลระดับโลกแม้จะดูไร้ที่มาที่ไป แต่เส้นทางของ "67" สามารถสืบย้อนกลับไปได้แบบมีร่องรอยอยู่บ้าง จุดเริ่มต้นจากดนตรี: วลีนี้เริ่มปรากฏในเพลงแร็ปแนว Drill ที่ชื่อว่า "Doot Doot (6 7)" ของแร็ปเปอร์ชาวอเมริกันนามว่า Skrilla ซึ่งปล่อยออกมาในช่วงตุลาคม 2024 แม้จะมีการคาดเดาว่าเลขนี้อาจหมายถึงถนน 67th Street หรือรหัสวิทยุตำรวจ แต่เจ้าตัวยืนยันว่า "เขาไม่เคยกำหนดความหมายที่แท้จริงให้มัน"
จุดเชื่อมโยงกับกีฬา : ความบังเอิญเกิดขึ้นเมื่อชาวเน็ตนำท่อนฮุก "6-7" ไปประกอบคลิปวิดีโอไฮไลต์ของ LaMelo Ball นักบาสเกตบอล NBA ชื่อดังที่มีส่วนสูง 6 ฟุต 7 นิ้ว (2.01 เมตร) พอดี ทำให้ตัวเลขนี้เริ่มติดตลาด การจุดไฟติดของมีม: กระแสถูกโหมกระพือโดย Taylen "TK" Kinney ผู้เล่นจาก Overtime Elite ที่ใช้วลีนี้ซ้ำๆ แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2025 เมื่อเด็กชาย Maverick Trevillian หรือที่รู้จักกันในนาม "67 Kid" ได้อัดคลิปตะโกนคำว่า "67" พร้อมท่าทางประกอบในสนามบาสเกตบอล คลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัลระเบิด และทำให้ "67" กลายเป็นภาษาสากลของเด็กๆ ทันที เข้าสู่กระแสหลัก: ความโด่งดังของมันไปไกลถึงขั้นที่การ์ตูนเสียดสีสังคมอย่าง South Park นำไปล้อเลียน ซึ่งเป็นการการันตีสถานะทางวัฒนธรรมของมีมนี้ได้เป็นอย่างดี "Brainrot": เมื่อสมองเน่าเฟะเพราะข้อมูลขยะ ?การก้าวขึ้นมาของคำว่า "67" นั้นแยกไม่ขาดจากปรากฏการณ์ที่ใหญ่กว่า ซึ่งเรียกว่า "Brainrot" (สมองเน่า) คำว่า Brainrot สมองเน่า ถูก Oxford ยกให้เป็นคำศัพท์มาแรงในปี 2024 โดยนิยามถึง สภาวะความเสื่อมถอยทางสติปัญญาหรือจิตใจจากการบริโภคเนื้อหาออนไลน์ที่ไม่มีสาระมากเกินไป โดยเฉพาะการเสพวิดีโอสั้นๆ วนไปมาบน TikTok น่าสนใจที่ว่า คำนี้ไม่ใช่คำใหม่ ย้อนกลับไปในปี 1854 เฮนรี เดวิด ทอโร (Henry David Thoreau) นักเขียนระดับตำนาน ได้บัญญัติคำนี้ไว้ในหนังสือเรื่อง Walden โดยเขากล่าวถ้อยคำเชิงตัดพ้อที่ยังคงก้องกังวานมาถึงปัจจุบันว่า: "ในขณะที่อังกฤษพยายามรักษาโรคเน่าที่เกิดจากมันฝรั่ง (tomato-rot)... จะไม่มีใครพยายามรักษาโรคสมองเน่า (brain-rot) ซึ่งแพร่หลายและร้ายแรงกว่ามากนี้เลยหรือ" ในศตวรรษที่ 21 คำทำนายของทอโรกลายเป็นจริง แต่เปลี่ยนบริบทจากหนังสือสู่หน้าจอโทรศัพท์ "67" คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของ Brainrot Content คือเนื้อหาที่ไม่มีแก่นสาร ไม่ต้องการการตีความ แต่กลับดึงดูดความสนใจและแพร่กระจายได้เร็วกว่าไวรัส ภาษาที่สะท้อนยุคสมัยการที่ "67" กลายเป็นคำแห่งปี 2025 อาจดูเป็นเรื่องตลกขบขันสำหรับคนรุ่นก่อน แต่สำหรับนักภาษาศาสตร์และนักสังคมวิทยา มันคือหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างทางภาษาของมนุษย์กำลังถูกรื้อสร้างใหม่ด้วยความเร็วของอัลกอริทึม เช่นเดียวกับคำว่า "Rizz" (เสน่ห์) หรือ "Demure" (เรียบร้อย/สำรวม) ที่เคยครองแชมป์ในปีก่อนหน้า "67" ทำหน้าที่สะท้อนภาพลักษณ์ของปี 2025 ปีที่เส้นแบ่งระหว่างความจริงกับความไร้สาระเจือจางลง และปีที่เด็กกลุ่มหนึ่งเลือกที่จะหัวเราะให้กับตัวเลขสองตัว เพียงเพราะว่าผู้ใหญ่ไม่มีวันเข้าใจมัน
ที่มา : 9news.com.au rollingstone theguardian https://www.springnews.co.th/digital-tech/technology/861114
|

