วิ่งแบบพี่ดม : อุดม มาศพงศ์ ชายวัย 93 ปี ผู้พิชิตมาราธอนมาแล้วกว่า 100 สนาม

วิ่งแบบพี่ดม : อุดม มาศพงศ์ ชายวัย 93 ปี ผู้พิชิตมาราธอนมาแล้วกว่า 100 สนาม 
 
ณ สนามกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ท่ามกลางผู้คนที่ต่างมาออกมากำลังกายเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเล่นเปตอง แบตมินตัน เต้นแอโรบิก หรือวิ่ง
 
เราสังเกตเห็นชายคนหนึ่งท่าทางกระฉับกระเฉง วิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอ บุคลิกที่คล่องแคล่วของเขา ทำให้เราไม่อาจเดาได้เลยว่า นักวิ่งผู้นี้ มีอายุ 93 ปี !
 
ลมกรดพันธ์ุแกร่งทะลุวัยท่านนี้ มีนามว่า อุดม มาศพงศ์ หรือที่สื่อต่าง ๆ และเหล่าคนสายนักวิ่งเรียกกันว่า "พี่ดม" ที่เข้าเส้นชัยมาราธอนมาแล้วกว่า 100 สนาม และโด่งดังในฐานะนักวิ่งมาราธอนที่อายุมากที่สุดในประเทศไทย
 
เรื่องราวของ "พี่ดม" จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่นี่
 
BORN TO RUN
 
"พี่เป็นคนที่ไม่อยู่นิ่ง ทำนู่นทำนี่ตั้งแต่เด็ก พี่เรียนหนังสือไม่เก่งต่างจากพี่ชายและพี่สาว เขาจะอ่านหนังสือกันตลอดเวลา ดังนั้นเวลาพ่อแม่เรียกให้ใครทำงานบ้าน หรือวิ่งไปซื้อกับข้าว พี่ก็จะทำตลอด" อุดม มาศพงศ์ เล่าย้อนเรื่องราวของตัวเองไปถึงในวัยเด็ก ด้วยน้ำเสียงสดใส
 
"พี่ชอบไปโรงเรียนสายเพราะทำงานบ้าน พอไปโรงเรียนสายเราก็ต้องรีบ เมื่อก่อนเดินผ่านโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดสุราษฎ์ธานี นักเรียนหญิงก็ตะโกนเชียร์ว่า วิ่ง ! วิ่ง ! วิ่ง ! ซ้าย ขวา ซ้าย เราเลยต้องวิ่ง พอไปถึงโรงเรียน โดนทำโทษรอบสนาม เราก็ต้องวิ่งอีก"
 
จุดเริ่มต้นแรกในการวิ่งของ อุดม แม้ไม่ได้วิ่งเพื่อสุขภาพ แต่เขาวิ่งเพราะเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิต ประกอบกับความเป็นชอบแอคทีฟ เขาจึงสนุกกับการได้เคลื่อนไหวร่างกาย ด้วยการวิ่งไปบนถนนหนทาง
 
ในช่วงวัยหนุ่ม อุดม ใช้ชีวิตแบบ Work Hard Play Hard ปาร์ตี้ ดื่มเหล้าหนัก จากร่างกายที่เคยกระฉับกระเฉง เริ่มเสื่อมโทรม จนล่วงเลยมาอายุ 40 ปี เขาจึงเริ่มหันมาจริงจังกับวิ่ง พร้อมกับเปลี่ยนแปลงตัวเอง
1
 
"สมัยนั้นเราทั้งดื่มทั้งสูบ คิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไปอายุไม่ยืนแน่ พี่เลยเลิกอบายมุข หันไปวิ่งและเดินเร็ว พี่เริ่มวิ่งตอนอายุ 40 ในงานเปิดสะพานพระราม 9 ครั้งแรก คือมาราธอนครั้งที่ 1" อุดม อดีตข้าราชกรมที่ดิน กล่าวเริ่ม
 
"จากวันนั้นจนถึงทุกวันนี้อายุ 93 ปีแล้วก็ยังวิ่งอยู่ ตื่นเช้ามืดเล่นโยคะ ปั่นจักรยาน ห้าโมงเย็น เต้นแอโรบิคในสนามที่สาว ๆ เป็นร้อย เราผู้ชายคนเดียว"
 
แม้จะใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมานานนับ 10 ปี เนื่องจากภรรยาเสียชีวิตแล้ว ส่วนลูก ๆ ใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน แต่การวิ่งทำให้ อุดม ได้เจอสังคมใหม่ ๆ เจอกับคนทุกเพศ ทุกวัย นั่นทำให้ อุดม มีสุขภาพจิตใจแจ่มใส ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเยี่ยมเยียน
 
นอกจากนี้ เขายังเป็นต้นแบบ และแรงบันดาลใจให้คนเห็นว่า การเริ่มต้นวิ่ง ไม่มีคำว่าสายเกินไป ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่
 
"พี่ย้ายที่อยู่ไปทั่วประเทศ เคยเป็นประธานชมรมวิ่งอยุธยา พอไปอยู่เพชรบูรณ์ ก็เป็นประธานชมรมวิ่งของเพชรบูรณ์ พี่เคยเป็นเลขาธิการสมาพันธ์ชมรมวิ่งแห่งประเทศไทย และเป็นกรรมการรุ่นแรก"
 
"เราพยายามปลุกให้ประชาชนรู้จักการวิ่ง ตั้งแต่มินิ ฮาล์ฟ มาราธอน เป็นไอดอลให้เขาบ้าง แจกหนังสือบ้าง วิ่งให้เห็นบ้าง"
3
 
"อยากให้ทุกคนเห็นว่า ขนาดพี่เริ่มออกกำลังกายจริงจังตอนอายุ 40 ปี ยังมีสุขภาพแข็งแรงจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นการออกกำลังกายไม่ว่าอายุเท่าไหร่ ไม่มีคำว่าสาย"
 
เคล็ดลับการวิ่ง
 
เราตามคุณพี่อุดม มาถึงบ้านพักของเขา สิ่งที่เห็นตรงหน้าสร้างความเซอร์ไพรส์แก่เราไม่น้อย ทั้งจำนวนเหรียญรางวัลมากมาย, เกียรติบัตรต่าง ๆ รวมถึงของที่ระลึกจากงานวิ่งที่เขาได้รับมาจากการวิ่งมาราธอน ที่ชายวัย 93 ปี พิชิตมาแล้วกว่า 100 สนาม
 
"การวิ่งอย่าเพิ่งโลภ ต้องเริ่มจากระยะทางน้อย ๆ ก่อน พี่เริ่มจากวิ่ง 1- 2 กิโล มาเป็นวิ่ง 10.1 กิโล พอวิ่งจนชำนาญ เราวิ่ง 21.1 กิโล ซึ่งเป็นฮาล์ฟมาราธอน พอวิ่งมาสักพัก ก็เข้ามาราธอนเลย" พี่ดมเล่าถึงเคล็ดลับการวิ่งกระชากวัยของตนเอง
1
 
"เราวิ่งมาแล้วทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพมาราธอนเกือบทุกนัด เชียงใหม่มาราธอน พัทยามาราธอน ภูเก็ตมาราธอน วิ่งที่มาเลเซีย ปีนังมาราธอน วิ่งจากหนองคายไปลาว ... รู้ตัวอีกที วิ่งครบร้อยสนามแล้ว เพราะเราทำไม่รู้ไม่ชี้ วิ่งสะสมไปเรื่อย ๆ"
 
อุดม ให้ความสำคัญกับการฝึกซ้อมอย่างมาก เพราะมาราธอน เป็นการวิ่งทางไกล ที่ต้องฝึกทั้งความทนทานด้านร่างกาย และสภาพจิตใจ เพื่อก้าวผ่านความกลัวไปจนถึงเส้นชัยในกิโลเมตรที่ 42.195
 
"พี่ถือคติหนักในสนามซ้อม สบายในสนามวิ่ง เราต้องฝึกอย่างมีวินัย ก่อนวิ่งต้องวอร์ม วิ่งเสร็จต้องคูลดาวน์ เราเน้นหลัก Slow but sure เพื่อเราจะวิ่งถึง 42.195 กิโลเมตร ภายในกำหนดเวลา"
 
"การวิ่งมาราธอน ถ้าเราใจกล้า มันไม่ยาก แต่ก็เหมือนสำนวนเยอรมันที่ว่า 'Aller Anfang ist schwer' ก้าวแรกมักยากเสมอ จริงอยู่ที่การเริ่มต้นอะไรทั้งสิ้นมันยากตั้งแต่ตอนแรก แต่ถ้าเราพยายามต่อไปมันก็ง่ายขึ้น" อุดมอธิบาย
 
"การวิ่ง 42.195 บางคนกลัวตัวเลข ตอนวิ่ง 5 - 10 กิโลบอกหมู แต่พอระยะทาง 'ตั้ง' 42 กิโลสงสัยทำไม่ได้ พอใจบอกว่าทำไม่ได้ มันก็ทำไม่ได้ มันอยู่ที่ใจ หากเราทำสมาธิให้ดี ใจเย็นสู้เสือ ถึงระยะทางมันไกลมาก แต่เราก็จะทำได้"
 
"ไม่ว่าจะมินิ ฮาล์ฟ หรือมาราธอน อย่าซ้อมจนถึงวันแข่ง เพราะร่างกายจะล้า ก่อนหน้าจะแข่งสัก 3-4 วัน ให้พักผ่อน ทำจิตใจให้ผ่องใส เวลาซ้อมให้นึกว่าเป็นการสะสมไมล์ คือวิ่งซ้อมมาเรื่อย ๆ ทั้งปี เมื่อรวมแล้ว เราก็จะวิ่งมาเป็นร้อยกิโล สะสมไว้ในตู้เอทีเอ็มการวิ่ง พอพรุ่งนี้จะต้องแข่งวิ่ง เราก็กดจากเอทีเอ็มมา 42.195 กิโลเมตร ทำให้ยังเหลือกิโลเมตรที่สะสมมาในธนาคารวิ่งเราเยอะแยะ"
 
แน่นอนว่า เมื่อเป็นงานวิ่งมาราธอน ย่อมต้องมีทั้งผู้ชนะที่ไปถึงเส้นชัย และผู้แพ้ที่ไม่ได้ผ่านการคัดตัว และต้องออกจากแข่งขัน สิ่งที่น่าสนใจคือ อุดม วัย 93 ปี มีแนวคิดอย่างไร ถึงสามารถพาตัวเองจบมาราธอนได้หลัก 100 สนาม
 
"ในระหว่างวิ่ง ระยะทางยาวไกล เคล็ดลับการวิ่งคือยิ้มไว้ เวลาวิ่งมันเกร็ง ถ้าเรายิ้ม กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยกำจัดความเครียดในกล้ามเนื้อ หัวใจ สมอง เรายิ้มหรือหัวเราะให้เพื่อนร่วมวิ่ง เขายิ้มตอบ เขาสบายใจไปด้วย เราเองก็มีความสุข ลองดู ได้ผลนะ"
 
"เราที่วิ่งเข้าเส้นชัย เรียกว่า Finisher ส่วนคนที่ล่าเงินรางวัล คือฝึกวิ่งเต็มที่แล้ววิ่งภายใน 2 ชั่วโมงกว่า ๆ อย่างชาวเคนย่า เอธิโอเปีย เขาเรียกว่า Winner"
 
"นักวิ่งมาราธอน กับนักวิ่งระยะใกล้ไม่เหมือนกัน เราเน้นวิ่งทน ไม่ใช่วิ่งเร็ว ถ้าอยากจะวิ่งได้นาน ให้วิ่งลงส้น อกผายไหล่ผึ่ง หน้าตั้ง ห้ามก้าวยาว ให้ก้าวสั้น ถี่และกระแทกตัวไปข้างหน้า และวิ่งสลับกับเดินเร็วได้เมื่อเหนื่อย แต่ใครวิ่งตามพี่ดมเนี่ย ถึงเส้นชัยทุกราย"
 
"พอวิ่งพ้น 21 กิโลก็สบาย พอกิโล 30 จะเริ่มเหนื่อยแต่มันก็ใกล้กิโลที่ 42 ซึ่งเป็นเส้นชัยแล้ว เราต้องอย่าประมาทแม้ก้าวเดียว ประคองตัวไว้ถึงเส้นชัยให้ได้ และให้แต่งตัวบางเบา หารองเท้าดี ๆ บริหารเวลาให้ดี ทานอาหารครบ 5 หมู่หรือทานกล้วยหอมลูกสองลูกพอก่อนวิ่ง"
 
นอกจากนั้น อุดม มาศพงศ์ ยังแนะนำให้เรานอนและตื่นตามพระอาทิตย์ พยายามออกแดดเพื่อสูดอากาศบ้าง ซึ่งอุดมกล่าวว่านั่นคือ "Best medicine" หรือยาที่ดีที่สุด และให้หมั่นเดินเท้าเปล่าในสนามหญ้า ทำจิตใจผ่องใส และหาหนังสือดี ๆ อ่าน
 
เคล็ดลับสุขภาพทั้งหมดทั้งมวลนี้ ถูกพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง จากการเห็นความกระฉับกระเฉงของ "พี่ดม" นักวิ่งมาราธอนในวัย 93 ปี
 
มาราธอน ครูสอนวิชาชีวิต
 
"พี่ยึดถือคติ Jogging a day, keep doctor away มาตลอด พี่วิ่งเพื่อให้ร่างกายกระชับ ถ้าหัวใจดีทุกอย่างก็ดี เพราะหัวใจไม่เคยหยุดทำงาน จนพี่ไปตรวจสุขภาพที่ศิริราช เช็คร่างกายเป็นประจำ ก็ไม่มีอะไรเลย พี่ไม่มีโรคประจำตัว สุขภาพยังแข็งแรง"
 
"พี่ตั้งใจจะมีชีวิตอยู่ถึงอายุ 120 ปีแบบร่างกายแข็งแรงไม่เป็นภาระใคร บางคนหาว่าเราโม้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีเป้าหมาย แม้กระทั่งเรื่องของชีวิต"
 
จากการพูดคุยกับ อุดม มาศพงศ์ มาราธอน ทำให้เขาเป็นชายวัย 93 ปีที่ฟิตที่สุดที่ผู้เขียนเคยเห็นมา นอกจากนี้ การวิ่งมาราธอนยังเป็นสิ่งที่หล่อหลอมทัศนคติที่ดีต่อชีวิตของอุดม
 
"มาราธอนทำให้เราได้มิตรภาพที่หาที่อื่นไม่ได้ เพื่อนร่วมมาราธอน เปรียบเสมือนเพื่อร่วมเป็นร่วมตาย ในสนามเราจะแชร์กันและช่วยเหลือกัน ทั้งเคาน์เตอร์เพน น้ำ หรือลูกอม"
 
"เพื่อนฝูงนักวิ่งมีทุกอาชีพ ทั้งหมอ ราชการ คนจน คนรวย เรามีเพื่อนทุกอาชีพ ทุกอายุ ในสนามเราจะไม่มานั่งมองว่าใครอายุเท่าไหร่ ทุกคนเท่าเทียมกัน เราวิ่งไปด้วยกัน"
 
เมื่อคุยเรื่องของชีวิต เราถามชายผู้ใช้ชีวิตบนโลกมา 93 ปี ว่าสุดท้ายแล้ว ความสุขในชีวิตของเขาคืออะไร
 
"ความสุขของพี่คือการให้ เพราะการให้ทำให้เราภูมิใจ เราให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่ว่าจะให้ความรู้ต่าง ๆ ด้านสุขภาพ ชวนให้คนจังหวัดต่าง ๆ ออกกำลังกาย เลิกเหล้า เลิกบุหรี่" อุดมกล่าว
 
"อีกหนึ่งความสุขของพี่คือการเรียนรู้ การศึกษาไม่จบสิ้น ยิ่งแก่ ยิ่งแสวงหา ตอนนี้ก็เรียนภาษาเยอรมันอยู่เพราะลูกเราอยู่ที่นั่น รวมถึงศึกษาการใช้เฟซบุ๊ก ไลน์ เพราะเราพยายามลดช่องว่างระหว่างวัยให้น้อยที่สุด เพื่อเราจะได้คุยกับลูกสาว"
 
"และสุดท้าย พี่รักการวิ่งมากที่สุด กลิ่นมาราธอนมันหอมมาก น้ำหอมที่ว่าหอม กลิ่นมาราธอนมันหอมกว่า เวลาเราวิ่งถึงเส้นชัย มันชื่นใจ ยิ่งกว่าได้รางวัลที่ 1 มันติดใจ ครั้งแรกสำเร็จอีก ครั้งต่อ ๆ ไปก็จะตามมา" อุดม นักวิ่งมาราธอนวัย 93 ปี กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
 
"มาราธอนเปรียบเทียบเหมือนชีวิต ระยะทาง 42.195 คือเส้นชัยที่ใช้เวลานานกว่าจะถึงความสำเร็จ แต่เมื่อเราเตรียมพร้อม อดทนและมุ่งมั่นจนไปถึงเส้นชัยนั้น มันก็คุ้มค่าเสมอ"
 
บทความโดย พิมพ์พันธุ์ จันทร์แดง
MainStand
Visitors: 1,198,865