วิ่งหรือเดิน แบบไหนไขมันกระจุย
วิ่งหรือเดิน แบบไหนไขมันกระจุย วันนี้เรามีคำตอบ
สำหรับคนทั่วไปที่ยังไม่ทราบว่าการวิ่งให้มีประโยชน์วันนี้เรามีตารางมาให้ดูเพื่อให้เพื่อนๆทุกคนได้ทำความเข้าใจมากขึ้นครับ
มีการให้ข้อมูลจาก รศ.ดร รุ่งชัย ชวนไชยกุล ซึ่งท่านได้กล่าวใว้ว่า การเดินเป็นการใช้ความหนักในการออกกำลังกายไม่มาก (low intensity) ทำให้ได้ระยะทางไกลกว่าและเผาผลาญไขมันมากกว่าแป้ง
ในส่วนของการวิ่ง คือการใช้ความหนักในการออกกำลังกายมากกว่าและทำให้เราเหนื่อยเร็วกว่า นี่คือสาเหตุที่ทำให้เราวิ่งไม่ได้นานมากพอที่จะใช้ไขมันออกมาเป็นพลังงาน เมื่อพิจารณาลำดับการใช้พลังงานจะพบว่า ไขมันจะถูกใช้มากเมื่อเราวิ่งต่อเนื่องไปนาน 30 นาที ดังนั้นการวิ่งเร็วๆ และไม่ถึง 30 นาทีต้องหยุด จึงลดไขมันไม่ได้
แต่ประเด็นที่น่าสนใจของอาจารย์รุ่งชัยที่ให้ความรู้เสริมอีกเรื่องว่า ที่สังคมกำลังลุ่มหลงอยู่ในขณะนี้คือ การฝึกอย่างเข้มข้นหรือออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มักจะเรียกกันในชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า HIIT (High Intensity Interval Training) ว่าเป็นวิธีที่เผาผลาญไขมันได้มากในเวลาอันสั้น
โดยอาจารย์รุ่งชัยชี้ว่านี่เป็นความเข้าใจผิด เพราะการออกกำลังกายแบบนี้หนักมากจนผู้ออกกำลังกายต้องหยุดก่อนทำได้ถึง 30 นาที (และที่บอกว่าข้อดีของ HIIT คือการลดไขมันได้มากในเวลาที่ให้เพียง 20 นาที) จึงไม่มีทางลดไขมันได้ ซึ่งร่างกายของเราจะเอาพลังงานมาใช้จากคาร์โบไฮเดรท ผลที่ได้คือการฝึกกล้ามเนื้อแทน ไม่ตรงกับที่บอกต่อๆกันมา
สำหรับคนสูงวัยนั้น สิ่งที่ร่างกายต้องพัฒนาคือความทนทาน(endurance) ดังนั้นการเดิน โดยเฉพาะการเดินเร็ว (brisk walking) จึงเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงวัย เพราะเมื่อออกกำลังกายด้วยจังหวะที่ช้ากว่าก็จะใช้เวลานานกว่า และได้ผลทางอ้อมคือ หัวใจจะถูกสั่งให้ทำงานนานแบบทนทานไปด้วย
แลพที่สำคัญการออกกำลังกายต้องกินโปรตีนให้เพียงพอเพื่อสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มอัตตราการเผาผลาญในร่างกายนะครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก - http://www.ibikeiwalk.org/บทความ/2017/04/07/เดินดีกว่าวิ่งในการเผา/
ที่มา : https://www.blockdit.com/articles/5f7b588d957ee04c38de8ec8/#
|