คณบดีศิริราชพูดถึงโอกาสเกิดโควิดรอบ 2 ในไทย บอก อย่ากลัวระลอก 2 เพราะมาแน่ แต่การ์ดห้ามตก จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรุนแรงได้

คณบดีศิริราชพูดถึงโอกาสเกิดโควิดรอบ 2 ในไทย บอก
 
"อย่ากลัวระลอก 2 เพราะมาแน่ แต่การ์ดห้ามตก จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรุนแรงได้"
 

 

ศิริราชชี้ ”ไทย” อยู่กลางไฟไหม้ ”โควิด” ต้องคุมเชื้อเข้าให้ดี อย่ากลัวระลอก 2 เพราะมาแน่ แต่การ์ดห้ามตก ช่วยป้องกันรุนแรง

คณบดีศิริราช ชี้โควิดทั่วโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น ไทยเหมือนอยู่ท่ามกลางไฟไหม้ ต้องเข้มมาตรการไม่ให้เชื้อเข้าประเทศ อุดรูรั่วต่างๆ แต่เชื่อไทยไม่รอดเวฟ 2 แต่อย่ากลัว แต่เตรียมตัวให้พร้อม การ์ดอย่าตก อย่าคิดว่าเป็น 0 แล้วไม่มีเชื้อในประเทศ

 
อีกไม่ถึง 8 หมื่นคน ทั่วโลกก็จะมีคนติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 14 ล้านคนแล้วค่ะ และวันนี้ยอดคนติดเชื้อของอินเดียเพิ่มขึ้นแซงบราซิลไปเรียบร้อย เท่ากับว่าตอนนี้อินเดียมีคนติดเชื้อเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอเมริกา
 
ฟังจากบทสัมภาษณ์ที่คณบดีศิริราชพูดถึงโควิดในไทย
 
คุณหมอบอกว่า ตอนนี้เราเป็นเหมือนบ้านไม่กี่หลังในโลกที่ยังตั้งอยู่อย่างปลอดภัย ในขณะที่รอบบ้านกำลังเจอไฟที่ลุกไหม้อย่างร้อนแรง สิ่งที่เราจะสามารถรักษาบ้านให้รอดจากเพลิงไหม้ในครั้งนี้ได้ หรือ ถ้าจะไหม้ก็ให้โดนน้อยที่สุด คือ การรักษามาตราการให้เข้มงวดอย่างสม่ำเสมอ และ ต้องป้องกันไม่ให้ข้อศึกภายนอกรุกรานเข้ามา เช่น ยกเลิกสิทธิ์ VIP ที่เห็นประกาศอีกรอบเมื่อวาน 
 
ตอนนี้เกือบทุกประเทศทั่วโลกเข้าสู่การระบาดรอบใหม่กัน อย่างข่าว ฮ่องกงก็แจ้งเตือนการระบาดรอบ 2  อยู่ ๆ ก็มีคนติดเชื้อรายวันเพิ่ม 60 กว่าคน ฝรั่งเศสเองก็เพิ่งออกมาตรการคล้ายอังกฤษ คือ "บังคับทุกคนสวมหน้ากากในสถานที่ปิด" เพราะมีโรงพยาบาลในกรุงปารีสเห็นสัญญาณการระบาดของโควิดรอบใหม่
 
สำหรับไทยถือว่าเวฟแรกเราผ่านไปแล้ว
และส่วนใหญ่ยังไม่เห็นประเทศไหนจบที่เวฟแรกแล้วไม่เกิดซ้ำ ซึ่งคุณหมอประสิทธิ์บอกว่า สำหรับไทยถือว่า เราจัดการได้ดี คนตายน้อย แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ หากพลาดนิดเดียว เราก็มีสิทธิ์เจอกับระเบิดลูกใหญ่ได้ เพราะตอนนี้การติดเชื้อของทั่วโลกเรียกว่า อยู่ในภาวะขาขึ้น
 
ดังนั้น "การจัดการโรคติดเชื้อมองเฉพาะประเทศเราเองไม่ได้ ต้องมองโลกทั้งใบ เพราะการเคลื่อนย้ายของคน ไวรัส สามารถผ่านชายแดนเข้ามาได้ง่ายมาก ในประเทศไทยไม่ว่าเดินทางเครื่องบิน รถ เท้าเปล่า จากชายแดน มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เราไม่รู้คนเข้ามาติดเชื้อหรือไม่ มาตรการต่างๆ ที่ทำต้องเข้มงวด เพราะมาตรการจะช่วยบ้านเราปลอดจากควันไฟ แต่คนไทยต้องช่วยกัน ทั้งนี้ เชื่อว่าประเทศไทยการระบาดระลอก 2 ก็มา แต่อย่าไปกลัวการระบาดระลอก 2 ไม่ได้เป็นเรื่องว่าจะมา ไม่มา แต่จะมาในรูปแบบไหน" ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
 
คุณหมอพูดถึงแนวทางการรับมือกับการระบาดครั้งใหม่หากเกิดขึ้นในบ้านเราว่า...
# อยากเห็นการ "สโลว์เบิร์น" มากกว่าการปะทุอย่างรุนแรงเหมือนรอบแรก #
รอบแรกบ้านเราติดเชื้อเยอะ เราใช้วิธีหักดิบกัน คือ ล็อคดาวน์ ถามว่าหยุดเชื้อได้ดีมั้ย ดีนะคะ แต่ก็ต้องแลกกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่พัง คนออกไปทำงานไม่ได้ รายได้ก็ขาดมือ ซึ่งแบบนี้สุดท้ายเรารอดตาย แต่คนก็จะอดตาย  แต่ถ้าหากเราเลือกผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจเหมือนตอนนี้ แต่เรายังเน้น ๆ มาตรการ "การ์ดไม่ตก" เช่น รักษาระยะห่าง ใส่หน้ากาก ล้างมือ โอกาสติดเชื้อก็จะน้อยลง
 
ถ้าทำแบบนี้รูปแบบการระบาดรอบต่อไป คุณหมอบอกว่า จะเป็นสโลว์เบิร์นได้ คือ ติดเชื้อขึ้นมา แต่ไม่สูงแล้วก็จะค่อย ๆ ลดลงไป
"การที่เราไม่มีการติดเชื้อใหม่ เราต้องมองเหรียญสองด้าน ไม่มีติดเชื้อใหม่ในประเทศหรือเป็น 0 เป็นสิ่งที่ดี แต่หากผมติดเชื้อโควิด แต่แข็งแรงดี ไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีอาการ แต่ทุกครั้งไปไหนใส่หน้ากาก รักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ เช็กอินเช็กเอาต์ และทุกคนทำเหมือนกัน ต่อให้มีเชื้อ โอกาสแพร่เชื้อจะน้อย เพราะเราทำแบบนี้ แต่หลายคนเข้าใจว่าการที่ติดเชื้อ 0 แปลว่าไม่มีติดเชื้อในไทยแล้ว ทุกคนตัดสินใจถอดหน้ากากออก ตอนนั้นเชื้อในตัวอาจไปให้คนถัดไป คนไม่รู้ติดเชื้อก็แพร่กระจายต่อ เป็นอีกด้านของเหรียญ แม้ไม่มีเชื้อใหม่กว่า 50 วัน แต่อย่าเพิ่งผ่อนเราไม่กล้าบอกจริงๆ ว่าไม่มี ตอนนี้อาจมีใครติดเชื้ออยู่แต่ไม่มีอาการ แต่ระบบอาจยังตามหาไม่เจอ อาจเจออีก 2 วัน แต่คิดดูกว่าจะเจอ 2 วันไปคุยไปเจอกับใครแล้ว" ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
 
คุณหมอพูดถึงแนวทางหากเชื้อเริ่มกระเพื่อมรอบใหม่
คล้าย ๆ กับเหตุการณ์ที่ระยองค่ะ คือ ตรงไหนมีเรื่องปิดแค่ตรงนั้น พอทำความสะอาดแล้ว แก้ไขได้แล้วค่อยเปิดใหม่ ส่วนตรงไหนไม่เกี่ยวกับจุดเสี่ยงก็ใช้ชีวิต ค้าขายกันอย่างปกติ ถ้าการระบาดระลอก 2 เป็นแบบนี้ การตายจะต่ำ โรงพยาบาลต่าง ๆ จะเพียงพอรองรับผู้ป่วยจากโควิด (วันก่อนข่าวที่เมกาเตียงผู้ป่วยไม่พออีกแล้ว เพราะอัตราการติดเชื้อมันเพิ่มสูงมากในแต่ละวัน)
 
“ขณะนี้คนไทยมีภูมิต้านทานเชื้อน้อยมาก สิ่งสำคัญคือ อย่าปล่อยให้เชื้อเข้ามา ไม่ใช่ว่าให้รอแต่วัคซีน แต่เราต้องดูแลและป้องกันตัวเองด้วย และแม้จะบอกว่าเรามียา แต่เราก็ยังนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น ต้องไม่ให้เกิดการติดเชื้อจำนวนมาก เพราะหากยายังน้อยก็จะน่ากลัวมาก และในเรื่องการกลายพันธุ์นั้น ยังไม่มีหลักฐานว่า จะมีผลต่อวัคซีนที่พัฒนาขึ้นมา"
 
ด้วยความปรารถนาดี
ที่มา : The Wisdom Diary
Visitors: 1,380,180