10 New normal ของคนไทย! สถิติชี้ชัดฟันธง! ใช่แน่!
10 New normal ของคนไทย! สถิติชี้ชัดฟันธง! ใช่แน่! ช่วงนี้หลายคนพูดถึง New normal กันมากขึ้น วิเคราะห์กันไปว่าอาจจะเป็นแค่ในช่วงแรกที่คนเรายังรู้สึกตื่นตระหนกและระแวดระวังการใช้ชีวิตหลังผ่านวิกฤติ COVID 19 ในอีกด้านหนึ่ง New normal อาจจะไม่ได้มาแค่พักเดียวแล้วหายไป เพราะหลายพฤติกรรมที่เกิดในระหว่างการแพร่ระบาดของ COVID 19 ทำให้คนมองเห็นอีกด้านของสิ่งที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยทำ และรู้สึกดีจนจะนำมากลายเป็นพฤติกรรมแบบถาวร ซึ่งเราได้ลองรวบรวมมาว่ามีพฤติกรรมแบบไหนอย่างไรบ้าง 1. คนไทยหันมาใช้ Social Media มากขึ้น จากเดิมที่ก่อน COVID 19 ระบาดคนไทยจำนวนมากก็ใช้ Social Media อย่างแพร่หลาย แต่ส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปในเชิงสันทนาการ คลายเครียด หรือพูดคุย ซะเป็นส่วนมาก แต่ New normal ใหม่ที่เกิดขึ้นคือคนไทยยังใช้ Social Media มากเหมือนเดิมและดูจะมากยิ่งขึ้น แต่แนวทางการใช้ไม่ได้มุ่งเน้นสันทนาการอย่างเดียวแต่เป็นการติดตามข้อมูล เช็คข่าวสารผ่านอินเทอร์เนตมากขึ้น
อย่าง Twitter เปิดเผยว่า ปริมาณการใช้งานบนแพลตฟอร์มพุ่งสูงขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หรือ Facebook ระบุว่ายอดการใช้งานวิดีโอคอลบนแพลตฟอร์ม นับเฉพาะที่มีคนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปพุ่งขึ้นมากกว่าเดิมถึง 1000% ส่วนยอดการส่งข้อความผ่าน Messenger พุ่งขึ้น 50%
2. Social Distancing หลังจากนี้ แม้สถานการณ์ COVID 19 จะคลี่คลายแต่คนเราก็จะอยู่กันอย่าง “หวาดระแวง” มากขึ้น Social Distancing จะถูกหยิบมาใช้งานมากขึ้น ผู้ประกอบการหลายแห่งจะต้องเอาประเด็นนี้มาใช้ในการทำธุรกิจ เราอาจจะเห็นภาพการเบียดเสียด ยืนติดกันชนิดหายใจรดต้นคอ น้อยลง แต่เราจะเห็น “ระยะห่าง” ระหว่างบุคคลมากขึ้น
แม้ในความเป็นจริงหลายคนมองว่าพอผ่านไปสักระยะ Social Distancing อาจจะหายไปแต่ถ้ามาดูตัวเลขความสำคัญของ Social Distancing ในช่วงการแพร่ระบาดจะพบว่าหากเราไม่มี Social Distancing ตัวเลขของผู้ติดเชื้ออาจสูงกว่านี้อาจจะแตะหลัก 25,000 ++ เลยทีเดียว
3. หันมาใช้บันเทิงออนไลน์มากขึ้น เป็นอีก New normal ที่จะเกิดขึ้นแน่ เพราะในช่วง COVID 19 ระบาดคนส่วนใหญ่ใช้ TikTok มากขึ้น ทั่วโลกมีผู้ดาวน์โหลดใช้งานแอพพลิเคชั่นมากกว่า 1,000 ล้านคน และไตรมาส 1 ยอดดาวน์โหลดติดตั้งแอพพลิเคชั่นกว่า 104 ล้านการติดตั้ง (Installs) เติบโตถึง 46% จากเดือนมกราคมปีก่อน และไม่ใช่แค่คนทั่วไปเท่านั้น ในภาคธุรกิจก็เช่นกันที่ต่อจากนี้คงจะจับเอา TikTok มาเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดมากขึ้น
4. คนไทยให้ความสำคัญเรื่อง “เศรษฐกิจ” มากขึ้น
จากสมัยก่อนที่ COVID 19 จะระบาด คนไทยไม่ได้เป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจมากนัก อาจจะมีกังวลไปบ้างแต่ลึกๆแล้วในใจก็ยังเป็นห่วงเรื่องของตัวเองมากที่สุด แต่ในยุค New normal คนจะหันมอง “เศรษฐกิจ” มากขึ้น ดูได้จากผลสำรวจที่ 77% ของคนไทยเชื่อว่า COVID-19 มีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวัน และ 54% ของคนไทยกังวลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
5. เลี่ยง Offline หันมาใช้ Online มากขึ้น เป็นอีก New normal ที่ชัดเจน โดยมีผลสำรวจที่น่าสนใจเช่น 46% ของคนไทยหลีกเลี่ยงการไปซื้อของจากร้าน Offline 69% ลดการท่องเที่ยว และหันไปท่องเที่ยวในรูปแบบ Virtual Travel 38% ของคนไทยซื้อของในช่องทาง Online มากขึ้น เช่น ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านช่องทางนี้ แทนการไปซื้อจากร้านค้า หรือสโตร์ และ 44% ใช้บริการ Food Delivery มากขึ้น
6. คนส่วนใหญ่หันมาทำอาหารทานเองกันมากขึ้น จากความกังวลเรื่องเชื้อ COVID 19 ประกอบกับมาตรการคุมเข้มด้วยการประกาศ พรก.ฉุกเฉินทั่วประเทศ จากคนที่เคยชอบทานอาหารนอกบ้าน ก็จะหันมาทำอาหารทานเองกันมากขึ้นแม้จะดูยุ่งยากกว่าเดิมแต่หลายคนเชื่อว่าจะปลอดภัยมากที่สุด
ข้อมูลจากการสำรวจพบว่าสินค้าประเภทของแห้งและวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารเติบโตขึ้นอย่างมาก เห็นได้ชัดเจนจากไข่ไก่ที่ยอดขายเติบโตขึ้นถึง 27.8% รองลงมาคือน้ำมันปรุงรส 21.9% ผงชูรส 19.9% ข้าวสาร 17.7% ปลากระป๋อง 14.9% สอดคล้องกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เติบโต 11.8%
7. พฤติกรรมการซื้อของจะใช้จ่ายต่อครั้งมากขึ้น ด้วยความกลัวการติดเชื้อ COVID 19 จากก่อนนี้ที่เราเห็นพฤติกรรมคนไทยชอบไปเดินห้างสรรพสินค้าจับจ่ายซื้อของ แต่เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ไปเพราะจำเป็นต้องไป และการซื้อก็จะไม่เหมือนเดิม การจับจ่ายแต่ละครั้งจะเน้นปริมาณมากขึ้น จับจ่ายซื้อของในจำนวนเยอะขึ้นเพื่อให้เก็บสะสมไว้ได้นานลดการออกจากบ้านให้น้อยลง พฤติกรรมนี้คล้ายกับการกักตุนที่เคยปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้าแต่นี่คือ New normal ที่เชื่อว่าเราจะได้เห็นหลังจากนี้
8. โลกแคบลง แต่ห่างกันมากขึ้น เชิงความรู้สึก
การแพร่ระบาดของ COVID 19 ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ‘ตัวใครตัวมัน’ ของแต่ละประเทศ ถึงแม้ว่า COVID 19 จะเป็นปัญหาที่กระทบไปทั่วโลก แต่กลับไม่เห็นความร่วมมือหรือมาตรการที่ออกมาจากประชาคมโลกอย่างเท่าเทียมในแต่ละประเทศ
การจัดการในปัจจุบันนี้เป็นการจัดการแบบตัวใครตัวมัน โดยในช่วงเวลานี้ประชากรแต่ละประเทศจะเริ่มรู้สึกถึงความเป็นชาตินิยมที่จะต้องพาประเทศตัวเองให้รอดก่อนอันดับแรก ซึ่งจะเป็น New normal ให้คนส่วนใหญ่หันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้นอย่างน้อยก็ช่วง 1-2 ปีต่อจากนี้
9. Work From Home และ Learn From Home จะมากขึ้น เริ่มจาก Work From Home ที่แต่ก่อนอาจไม่ชัดเจนแต่เมื่อได้ทดลองใช้ในหลายบริษัท ซึ่งมีรายงานวิจัยระบุชัดเจนว่า Work From Home ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรได้มากขึ้นและเป็นการลดรายจ่ายของบริษัทได้ แต่อย่างไรก็ดีคงเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใดในสังคมไทย แต่นับจากนี้เชื่อว่ามีหลายออฟฟิศที่จะหันมาใช้ Work From Home มากขึ้น เช่นเดียวกับในธุรกิจการศึกษาที่จะมุ่งเน้น Learn From Home มากขึ้นเช่นกัน
10. คนไทยสนใจแหล่งที่มาของสินค้ามากขึ้น เมื่อก่อนนี้คนไทยจะซื้อสินค้าอะไรสักอย่างมักไม่ค่อยสนใจว่าจะผลิตจากที่ไหน มีแหล่งที่มาอย่างไร ก็ขอให้ได้ซื้อๆ ในราคาไม่แพงนัก แต่ยุค New normal นี้คนไทยจะหันมาสนใจสิ่งเหล่านี้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง โดยผลสำรวจระบุว่า 50% ผู้บริโภคต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าคุ้มราคา และ 65% คนไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัย โดยเฉพาะในด้าน Food Safety และแหล่งผลิต หรือแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์นั้นๆ มากขึ้น
แต่หลายคนก็วิเคราะห์ต่อไปอีกว่า New normal จะไม่เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์หมายความว่าในช่วงแรกที่คนอาจจะยังตื่นตระหนกก็จะเข้มข้นในการใช้ชีวิตมากขึ้น แต่ด้วยพื้นฐานของคนไทยพอเวลาผ่านไปสักระยะ เราจะเริ่มทำตามใจตัวเองมากขึ้น นึกถึงสังคมน้อยลง และ New normal บางอย่างก็จะกลายมาเป็น normal เหมือนเคย
ที่มา : https://www.blockdit.com/articles/5eb3bfbc69e9d90cebfa1f17/# |