คลังอนุมัติตั้งกองทุน TESG ลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท

คลังอนุมัติตั้งกองทุน TESG ลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท

 
คลังอนุมัติตั้งกองทุน TESG ลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท
คลังอนุมัติตั้งกองทุน TESG กระตุ้นลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ที่มี ESG ระยะยาว 10 ปี ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี เริ่มลงทุนได้ 1 ธ.ค.นี้ สรรพากรคาดสูญเสียรายได้ราว 1หมื่นล้านบาทต่อปี
 

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ที่ประชุมระหว่างกระทรวงการคลังและสภาธุรกิจตลาดทุนไทยเห็นชอบร่วมกันในการจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thailand ESG Fund เพื่อลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารหนี้ที่มี ESG สอดรับกับทิศทางประเทศไทยในการเข้าร่วมสนับสนุนธุรกิจสีเขียวตามกติกาโลก

 

กองทุน TESG จะเป็นกองทุนใหม่ มีวัตถุประสงค์การจัดตั้งเพื่อการออมระยะยาว โดยกองทุนต้องลงทุนหลักทรัพย์ที่เป็น ESG และรวมถึง ตราสารหนี้ระยะเวลา 10 ปี ซึ่งผู้ที่ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนใน TESG จะสามารถนำรายจ่ายที่ซื้อหน่วยลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ไม่เกิน 30% ของรายได้ของผู้ซื้อหน่วยลงทุน แต่สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี โดยผู้ซื้อหน่วยลงทุนนี้ ที่จะได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี จะต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุนนี้ ให้ครบ 8 ปีเต็ม 

 
กระทรวงการคลังคาดว่า  ภายใน 1 เดือนของการเปิดให้ขายหน่วยลงทุนดังกล่าว จะมีมูลค่ากองทุนรวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่า จะเริ่มซื้อขายกองทุนนี้ได้ราวต้นธ.ค.นี้ โดยกรมสรรพากรจะเร่งสรุปรายละเอียดในข้อกฎหมายเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติในอังคารหน้า จากนั้น จะเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อออกเป็นประกาศกระทรวง ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต.จะต้องเร่งออกหลักเกณฑ์ของกองทุนเช่นเดียวกัน

“เราจะมีกองทุนเพิ่มอีก 1 กอง ถ้าจำได้ เรามี RMF และ SSF วงเงินรวม 5 แสน เราก็จะมีอีกวงหนึ่งที่ลดหย่อนได้เพิ่ม 1 แสนบาท ซึ่งการลงทุนต้องเป็นการลงทุนระยะยาว 8 ปีเต็ม เริ่มได้1 ธ.ค.นี้ ทางกรมสรรพากรจะทำเรื่องนี้ ให้ทันในปีนี้ และหักลดหย่อนภาษีได้เลยมี.ค.ปีหน้า และด้วยระยะเวลาค่อนข้างสั้น เราคิดว่า 1 เดือน มองว่า กองทุนนี้จะมีเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท”

เขากล่าวด้วยว่า ธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ที่มี ESG มีอยู่ 210 บริษัท จาก 600 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ถือว่า มีจำนวนให้เลือกลงทุนมากพอ เชื่อว่า ถ้ามีการลงทุนในลักษณะนี้ จะมีบริษัทที่ทำตัวเองให้เป็นESG ได้มากขึ้น

เขาย้ำว่า ในเรื่องดังกล่าวนั้น ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมสรรพากร และ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย(เฟทโก้) ได้ทำการบ้านในเรื่องดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว และได้มีการนัดหมายล่วงหน้าในการประชุมวันนี้มา 1 เดือนไม่ได้เป็นการเรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ว่าที่อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวว่า กรมฯประเมินว่าจะสูญเสียราวรายได้ 1 หมื่นล้านต่อปี แต่เพื่อเป็นเทรนด์เรื่องความยั่งยืน เราก็พร้อมสนับสนุน ก็หวังว่า นักลงทุนจะสนใจเรื่องนี้ ทั้งนี้เราคำนวณความสูญเสียจากที่เราเคยมีกองทุน LTF ในอดีต

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยกล่าวว่า ทางเราเห็นเทรนด์ ESG ของโลกสำคัญ และ ไทยเองก็เป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายต่างๆ เราก็ปรารถนาให้บริษัทไทยได้รับการส่งเสริมเรื่องนี้และหวังว่าธุรกิจในไทยจะให้ความสนใจในESG  จึงตัดสินใจทำเรื่องนี้

 

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1098730

 

Visitors: 1,405,378