ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก

"ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก"
 
ใครเห็นข่าว "ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก" แล้วอยากเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น อ่านโพสต์นี้จบ เคลียร์เลย วิเคราะห์บอลจริงจังสรุปทุกอย่างให้อ่านแบบเข้าใจง่าย
 
 
 
นี่เป็นข่าวใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรป เมื่อยูฟ่าออกแถลงการณ์ต่อต้าน "ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก" อย่างเด็ดขาด ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นนักที่ยูฟ่าจะแสดงอาการตื่นตระหนกขนาดนี้
 
เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่ ซูเปอร์ลีกจะเกิดขึ้น เราจะไปลำดับเรื่องราวกันตั้งแต่แรก
 
แนวคิดเรื่องยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีกคืออะไร? อธิบายให้ง่ายที่สุดคือ บางสโมสรจะเลิกเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แล้วไปแข่งขันรายการที่สร้างขึ้นใหม่แทน
 
เสาร์-อาทิตย์ แต่ละทีมจะแข่งขัน ฟุตบอลลีกในประเทศของตัวเอง จากนั้นพอกลางสัปดาห์ (อังคาร-พุธ) ก็มาแข่ง "อีกหนึ่งถ้วย" ที่มีชื่อว่า ซูเปอร์ลีก
 
ซูเปอร์ลีก คือการรวมกลุ่มของทีมใหญ่ในยุโรป จำนวน 20 ทีม ส่วนวิธีการแข่งขันนั้น มี format ดังนี้
 
1) นำ 20 สโมสรใหญ่ในยุโรป มาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 ทีม แข่งขันแบบพบกันหมดเหย้า-เยือน
2) อันดับ 1-3 ของแต่ละกลุ่มเข้ารอบน็อกเอาต์อัตโนมัติ ส่วนอันดับ 4-5 จะเล่นเพลย์ออฟ ใครชนะตาม 3 ทีมแรก เข้าไปเล่นรอบน็อกเอาต์
3) เมื่อได้ 8 ทีมครบแล้ว จะแบ่งสายแข่งน็อกเอาต์แบบเหย้า-เยือน เหมือนแชมเปี้ยนส์ลีก
4) นัดชิงชนะเลิศ แข่งนัดเดียวที่สนามเป็นกลาง
 
ณ เวลานี้ มี 12 สโมสร ที่คอนเฟิร์มแล้วว่า "เอาด้วย" กับโปรเจ็กต์ซูเปอร์ลีก และยินดีที่จะแยกทางกับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดย 12 สโมสรประกอบไปด้วย
 
อังกฤษ (6 ทีม) - แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล
 
อิตาลี (3 ทีม) - ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน
 
สเปน (3 ทีม) - เรอัล มาดริด, แอตเลติโก้ มาดริด และ บาร์เซโลน่า
 
 
 
เมื่อทีมใหญ่ 12 ทีมเอาด้วยแบบนี้ การจะหาอีก 8 ทีมที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องยาก หลายๆสโมสร ก็คงไม่อยากตกขบวนรถไฟนี้กันทั้งนั้น
 
 
สำหรับจุดแข็งของซูเปอร์ลีก ที่เด่นชัดกว่ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมากๆ คือจะเป็นการแข่งขันที่ไม่มีทีมระดับกลางๆ หรือทีมโนเนมร่วมด้วยอีกต่อไป
 
โปรแกรมซูเปอร์ลีกทุกนัด มีแต่ทีมใหญ่ชนกันเต็มไปหมด ใครเจอใครก็มันส์ทุกเกม ลองคิดดูว่าในแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นนี้ เชลซีอยู่ร่วมกลุ่มกับ คราสโนดาร์, เซบีญ่า และ แรนส์ ถามว่าถ้าไม่นับแฟนของเชลซีเอง แฟนบอลทั่วไป ก็คงรู้สึกเฉยๆ ดูก็ได้ ไม่ดูก็ได้ ไม่ได้รู้สึกดึงดูดขนาดนั้น
 
แต่ลองคิดดูว่า ถ้าเปลี่ยนโปรแกรมของเชลซี จากที่เจอคราสโนดาร์, เซบีญ่า และแรนส์ กลายเป็น บาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส และ เรอัล มาดริด แทนล่ะ? รับรองว่าเรตติ้งพุ่งกระฉูดแน่ คือถ้ามีบิ๊กแมตช์เตะทุกวันพุธ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันจะสร้างมูลค่าได้มหาศาลขนาดไหน
 
สำหรับแนวคิดเรื่องซูเปอร์ลีกนั้น เอาจริงๆ ก็ถูกพูดถึงบ่อยครั้งมาก ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา
 
ก่อนอื่นเลย เราต้องยอมรับความจริงว่า ในโลกของฟุตบอลนั้น "ทีมใหญ่" ยังไงก็ได้รับความสนใจมากกว่า "ทีมเล็ก" อันนี้คือสัจธรรม
 
ในการแข่งขันฟุตบอลลีกใดๆก็ตาม เมื่อทีมใหญ่ลงแข่ง แฟนบอลจะติดตามอย่างล้นหลามเสมอ ทั้งกองเชียร์ กองแช่งเยอะแยะไปหมด
 
ยูฟ่า ก็ได้อานิสงส์จากความใหญ่ของทีมเหล่านี้ ในการสร้างความนิยมให้เวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ยูฟ่าสามารถอ้างได้ว่า นี่คือทัวร์นาเมนต์ ที่เป็นการรวมตัวกันของสุดยอดทีมระดับโลก แต่สิ่งที่คับข้องใจ บรรดาทีมใหญ่มานานแล้ว คือส่วนแบ่งรายได้ของแชมเปี้ยนส์ลีกนั้น "น้อยเกินไป"
 
 
ตัวอย่างเช่น อินเตอร์ มิลาน ในซีซั่น 2018-19 ได้เงินส่วนแบ่งรายได้จากแชมเปี้ยนส์ลีก แค่ 19.4 ล้านปอนด์ แต่ในซีซั่นเดียวกัน ทีมบ๊วยในอังกฤษอย่างฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ได้ส่วนแบ่งรายได้จากพรีเมียร์ลีก สูงถึง 93.6 ล้านปอนด์
 
สิ่งที่บรรดาทีมใหญ่เห็นมาตลอด คือการจัดสรรเรื่องเงินของยูฟ่ายังทำได้ไม่ดีพอ กล่าวคือแชมเปี้ยนส์ลีก เป็นเวทีที่รวมทีมที่เก่งที่สุดในโลกเข้าด้วยกัน ถ้าจัดการดีๆ คุณต้องทำรายได้ให้แต่ละทีมได้มากกว่านี้ อย่างน้อยถึงสักครึ่งหนึ่งของพรีเมียร์ลีกก็ยังดี
 
แต่ยูฟ่าไม่สามารถทำได้ตามที่ทีมใหญ่ต้องการ ทีมใหญ่ได้เค้กชิ้นเล็กกว่าที่ตัวเองคาดหวังไว้ คำถามคือ แล้วเงินทั้งหมดหายไปไหน? คำตอบคือ ยูฟ่า ต้องเอาไปแบ่งให้กับทีมขนาดกลาง และขนาดเล็กด้วย
 
อัสตาน่าจากคาซัคสถาน, ซานโต้ โคโลม่า จากอันดอร์ร่า หรือ คาราบัค จากอาเซอร์ไบจัน จะมาจากไหนไม่สำคัญ แต่ถ้าเข้าร่วมแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีก หรือยูโรป้าลีก ทุกทีมจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากยูฟ่าทั้งสิ้น แม้ทีมเหล่านั้นจะไม่สร้างมูลค่าทางการตลาดก็ตามที
 
ซึ่งจุดนี้บรรดาทีมใหญ่ก็ตั้งคำถามว่า เอาจริงๆ ใครจะไปสนใจเกมระหว่างลูโดโกเร็ตส์ กับ ครูเซเดอร์? คนดูบอลยุโรป ก็อยากดูเกมใหญ่ๆ ชนกันอยู่แล้ว การลดรายได้ของทีมใหญ่ เอาไปเจือจุนทีมเล็กๆ ที่ไม่สร้างกำไร เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล
 
ดังนั้นเหล่าทีมใหญ่จึงรวมตัวมาคุยกัน และได้ข้อสรุปว่า แทนที่จะต้องรอว่ายูฟ่าปีนี้จะแบ่งเงินมาให้เท่าไหร่ ทำไมไม่ถอนตัวออกจากรายการแชมเปี้ยนส์ลีกซะ แล้วก่อตั้ง "ถ้วยใบใหม่" ของตัวเองขึ้นมาเลย ที่จะมีแต่ทีมใหญ่ๆรวมกันเอง มีบิ๊กแมตช์ทุกวีก มีอะไรตื่นเต้นให้ดูทุกสัปดาห์
 
ลองคิดดูตามคอมม่อนเซนส์ ว่าถ้าทีมใหญ่พร้อมใจถอนตัวออกจากแชมเปี้ยนส์ลีกทั้งหมด โฆษณาและคนดู จะอยู่กับใคร?
 
จะอยู่กับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถ้วยเดิม แต่อย่าลืมนะว่าจะเหลือทีมแค่ เซบีญ่า, เลสเตอร์, อตาลันต้า,ชัคเตอร์ โดเน็ตส์, สปาร์ตัก มอสโก หรือทีมใหญ่หน่อยก็บาเยิร์น กับเปแอสเช
 
หรือจะย้ายไปอยู่กับถ้วยใหม่ ที่จะมีทั้ง เรอัล มาดริด, แมนฯยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, บาร์ซ่า และยูเวนตุส
 
ไม่บอกก็พอจะเดาได้ ว่าถ้าการแยกตัวเกิดขึ้นจริง เมื่อไม่มีทีมดังๆ ลงแข่ง คุณภาพของแชมเปี้ยนส์ลีกก็จะร่วงตกต่ำอย่างน่าใจหาย และความนิยมก็คงจะเสื่อมถอยอย่างแน่นอน
 
อย่างไรก็ตามแม้ไอเดียการสร้างถ้วยใหม่ ฟังดูแล้วว่าจะเกิดขึ้นได้จริง แต่พี่หมวย-มาเฟี่ยรี่ บรรณาธิการต่างประเทศของสตาร์ซอคเก้อร์ เปรียบเทียบว่าเอาจริงๆ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีกเหมือน "รอยพญานาค" กล่าวคือ มีข่าวมาให้เห็นตลอด แต่ไม่เคยเห็นตัวตนจริงๆจังๆ เสียที
 
 
เป็นคำเปรียบเทียบที่ชัดเจนมาก กล่าวคือทีมใหญ่ๆ ในยุโรปคุยเรื่องซูเปอร์ลีกกัน 3 ทศวรรษแล้ว เป็นการขู่ยูฟ่านั่นแหละ ว่าเราพร้อมแยกตัวออกไปเสมอ แต่สุดท้ายก็ไม่เคยทำจริงๆ เพราะก่อนที่จะถึงจุดแตกหัก ยูฟ่าเองก็จะจัดสรรเรื่องส่วนแบ่งซะใหม่ ให้แต่ละทีมได้เงินเพิ่มขึ้น แผนการสร้างถ้วยใหม่ก็เลยหยุดกลางคันอยู่แบบนั้น
 
อย่างไรก็ตามในปี 2021 คราวนี้ดูเหมือนแผนการของซูเปอร์ลีก มีแนวโน้มจะเป็นไปได้มากที่สุดในรอบหลายปี เพราะด้วยวิกฤติการณ์โควิด-19 แต่ละสโมสรสูญเงินไปอย่างมหาศาล เงินทุกปอนด์ ทุกยูโร ที่จะเพิ่มเข้ามา ย่อมทำให้สภาพคล่องของทีมดีขึ้น ถ้าจะทำ ไม่มีช่วงเวลาไหนที่เหมาะเท่าตอนนี้แล้ว
 
 
โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว อดีตประธานบาร์เซโลน่า กล่าวก่อนลงตำแหน่งว่า ตอนนี้บาร์ซ่าเข้าร่วมซูเปอร์ลีกเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นยังมีรายงานข่าวว่า JP Morgan บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก จะเป็นเมนสปอนเซอร์ในการจัดการแข่งขันให้เกิดขึ้น คือปีแรกๆอาจจะขลุกขลักบ้าง แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ พอทุกอย่างอยู่ตัว เชื่อว่าทีมใหญ่จะโกยเงินยิ่งกว่าที่ได้รับในปัจจุบันจากยูฟ่าอีกเยอะ
 
ณ เวลานี้ ความเห็นในโลกออนไลน์ จึงแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน คือฝ่าย "สนับสนุน" เชียร์ให้แยกตัวออกไปเลย กับอีกฝ่ายที่ "ต่อต้าน" และคิดว่าระบบแชมเปี้ยนส์ลีกที่เป็นอยู่มันโอเคแล้ว และนี่คือเหตุผลที่ทั้งสองฝ่ายมาหักล้างกัน
 
 
[ ฝ่ายสนับสนุน ]
 
1) การสร้างถ้วยใหม่ จะทำให้โปรแกรมฟุตบอลตื่นเต้นขึ้นมาก สุดสัปดาห์เล่นบอลลีกในประเทศ กลางสัปดาห์เล่นซูเปอร์ลีก แปลว่าแฟนบอลจะไม่ขาดฟุตบอลดีๆให้ดู คือมีเกมมันส์ๆ ทุกสามวัน
 
2) เป็นการยุติการผูกขาดทีมหน้าเดิมๆ ในแชมเปี้ยนส์ลีก ลองคิดดูว่า บอลสเปน 3 ทีมที่ได้แล่นแชมเปี้ยนส์ลีกทุกปี คือบาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก้ มาดริด ถ้าหาก 3 ทีมนั้นย้ายไปเล่นถ้วยใหม่ซะ ทีมอื่นๆเช่น เรอัล โซเซียดัด, แอธเลติก บิลเบา หรือ เรอัล เบติส ก็อาจมีโอกาสได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกมากกว่าที่เป็นอยู่
 
3) สร้างรายได้จากการถ่ายทอดสด ให้แฟร์มากขึ้นกับทีมใหญ่ คือมันมีบางทีม ที่ลงทุนอย่างมหาศาลสร้างสนามดีๆ ซื้อตัวนักเตะคุณภาพเข้ามา แต่ทำเงินจากเกมยุโรปได้น้อยมาก ตัวอย่างเช่นสเปอร์ส ในฤดูกาลนี้ (2020-21) สเปอร์สลงแข่งขันยูฟ่า ยูโรป้าลีก เริ่มตั้งแต่รอบคัดเลือก รวมทั้งสิ้น 13 นัด ได้ส่วนแบ่งเงินไปแค่ 4.85 ล้านปอนด์ คือเตะแทบตาย ได้เงินน้อยนิดมาก แน่นอนมันก็เกิดคำถามขึ้นกับสเปอร์สเช่นกันว่า ทำไมทีมใหญ่ ที่มีแฟนบอลติดตามมหาศาลอย่างพวกเขา ต้องมารับเงินน้อยขนาดนี้ด้วยล่ะ ทำไมต้องดิ้นรนชิงโควต้าท็อปโฟร์ทุกปี ในเมื่อถ้าย้ายไปซูเปอร์ลีก ย่อมการันตีเงิน ได้มากกว่าอยู่แล้ว
 
 
4) เป็นถ้วยที่สมกับเป็น "บอลยุโรป" ของจริง กล่าวคือ เมื่อทีมใหญ่ชนกันเองหมด ทุกแมตช์ล้วนเป็นเกมห้าดาว จะไม่มีเกมที่ชวนง่วงอย่าง คลับ บรูช เจอเซนิต หรือ เฟเรนควารอส เจอดินาโม เคียฟ แต่ทีมใหญ่ฟัดกันเอง ด้วยศักดิ์ศรีของใหญ่ชนใหญ่ มันจะเป็นเกมคุณภาพอย่างที่สุด
 
5) เป็นการสั่งสอนยูฟ่า ว่าที่ผ่านมาทำตัวเป็นเสือนอนกิน ไม่ได้ลงทุนอะไรเลย แต่รับทรัพย์เต็มๆ รายได้ที่ยูฟ่าได้มา ก็มาจากผลงานของสโมสรฟุตบอลทั้งนั้น ในปี 2019 ยูฟ่ามีรายได้ 3,857 ล้านยูโร (1.4 แสนล้านบาท) คุณไม่คิดกระจายรายได้ให้สโมสรใหญ่ๆ ที่ทำเงินให้คุณ อย่างแฟร์ๆมากกว่านี้อย่างนั้นหรือ?
 
 
[ ฝ่ายต่อต้าน ]
 
1) ทีมใหญ่จะเห็นแก่เงินไปถึงไหน ระบบของยูฟ่า เซ็ตมาอย่างดีที่สุดแล้ว และกระจายเงินให้ทีมแชมป์ในประเทศเล็กๆอย่างยุติธรรม โอเคว่า ตัวเงินอาจเทียบไม่ได้กับพรีเมียร์ลีก แต่ก็ถือว่าได้เยอะแล้ว ถ้าคุณตกรอบแบ่งกลุ่ม ก็ยังได้เงินตั้ง 20 ล้านปอนด์ มันก็ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยๆ ถ้าคุณแยกลีกไปเอง กะไปโกยเงินกันในกลุ่มเล็กๆ แบบนี้ตั้งใจจะไม่ให้ทีมอื่นๆ ลืมตาอ้าปากกันหรืออย่างไร
 
2) สร้าง "ชนชั้น" ให้เกิดขึ้นในเกมฟุตบอล กล่าวคือ ในปัจจุบันไม่สำคัญว่าคุณจะรวยหรือจน จะเป็นทีมใหญ่หรือทีมเล็ก ถ้าคุณจบท็อปโฟร์ คุณก็ไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกได้ แต่ถ้ามีซูเปอร์ลีกเกิดขึ้น สำหรับบางทีมต่อให้คุณเก่งแทบตาย แต่เมื่อโดนตราหน้าว่าเป็น "ทีมเล็ก" ก็ไม่สามารถเข้าร่วมในซูเปอร์ลีกได้อยู่ดี มันเป็นการแบ่งพรรคแบ่งพวก เป็นระบบชนชั้นวรรณะ ซึ่งในสังคมฟุตบอลที่ยึดถือเรื่องความเท่าเทียมกัน นี่เป็นเรื่องที่พิลึกมาก
 
 
3) ประวัติศาสตร์ที่เคยมีมาจะหายหมด ลองคิดดูว่าลิเวอร์พูลมีเพลงชื่อ We won it 6 times เล่าถึงชัยชนะในถ้วยใหญ่ยุโรปทั้ง 6 ครั้ง แต่สุดท้ายเรื่องเหล่านี้จะเป็นแค่เรื่องเล่าขาน เพราะถ้าลิเวอร์พูลย้ายไปซูเปอร์ลีก ความสัมพันธ์กับถ้วยยุโรปเดิม ก็จะสิ้นสุดลง ต้องไปสร้างเรื่องราวของตัวเองใหม่กับถ้วยใบใหม่
 
4) นักเตะหมดสภาพกันแน่ๆ กล่าวคือโปรแกรมซูเปอร์ลีกมันแข่งถี่มากๆ ในแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มมี 4 ทีม (แข่ง 6 นัด) แต่ในกลุ่มของซูเปอร์ลีกจะมีทั้งหมด 10 ทีม (18 นัด) และถ้าคุณผ่านเข้ารอบไปได้ ต้องเล่นเกมน็อกเอาต์อีก คือมีโอกาสลงเล่นถึง 25 เกมต่อซีซั่นกันเลยทีเดียว
 
บอลลีกปกติมี 38 นัด บอลซูเปอร์ลีก 25 นัด ยังมีบอลถ้วยในประเทศอีกสารพัด แปลว่าเผลอๆ ใน 1 ปี อาจมีโปรแกรมลงเล่นมากกว่า 80 นัดในปีเดียว คือถ้าไม่มีขนาดทีมที่ใหญ่พอ รับรองได้ว่าเจ็บกันระนาวแน่ๆ
 
5) ความตั้งใจแข่ง ฟุตบอลลีกในประเทศ อาจจะลดลง เพราะสมมุติทีมใหญ่ย้ายไปเล่นซูเปอร์ลีก แปลว่าจะไม่จำเป็นต้องมาลุ้นท็อปโฟร์อะไรกันอีกแล้ว ถ้าไม่ได้แชมป์ จะจบอันดับเท่าไหร่ก็ได้ ก็มีผลไม่ต่างกัน ซึ่งถ้าความตั้งใจลดลง ผู้จัดการทีมอาจปล่อยเบลอในเกมลีก ชนะก็ได้แพ้ก็ได้ เก็บตัวไว้ใส่เต็มสูบในถ้วยซูเปอร์ลีกที่คนดูเยอะๆ ยังจะดีซะกว่า
 
6) คุณค่าของเกมใหญ่จะลดลง ในอดีตเราจะลุ้นกันเสมอเวลาจับสลากแชมเปี้ยนส์ลีก ทุกคนรอคอยว่า ทีมใหญ่จะได้ชนกันหรือไม่ แต่ถ้ามีซูเปอร์ลีก ที่ทีมใหญ่ยังไงก็ต้องเจอกันทุกวีกอยู่แล้ว มันจะมีคุณค่าอะไรให้แฟนบอลรอคอยกันเล่า
 
7) ฟุตบอลรากหญ้าจะล่มสลาย ใครจะรู้ ถ้าหากซูเปอร์ลีกได้รับการตอบรับที่ดี ในอนาคตบรรดาทีมใหญ่ๆ อาจไม่สนใจลีกในประเทศอีกต่อไป คือแข่งกันเองระหว่างทีมใหญ่ด้วยกัน โดยใช้โมเดลเดียวกับ NFL หรือ NBA ไม่มีตกชั้น ไม่มีเลื่อนชั้น และถ้าเป็นแบบนั้น บรรดาดาวรุ่งเก่งๆ ก็จะอยากสังกัดแค่กับทีมในซูเปอร์ลีกเท่านั้น เพราะเห็นๆกันอยู่ว่าโด่งดังได้ง่ายกว่า ซึ่งนั่นจะทำให้ทีมขนาดกลางๆ และเล็กๆ เมื่อขาดผู้เล่นฝีเท้าดี ก็จะค่อยๆเสื่อมความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
 
 
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ยูฟ่าใช้ทั้งไม้แข็ง และไม้อ่อน ในการแก้ปัญหา
 
สำหรับไม้แข็ง ยูฟ่าประกาศว่า สโมสรไหนก็ตามที่เล่นในซูเปอร์ลีก จะโดนแบนจากการแข่งขันทุกระดับ ทั้งในประเทศ, ระดับยุโรป (แชมเปี้ยนส์ลีก-ยูโรป้าลีก) และ ระดับโลก (ฟีฟ่าคลับเวิลด์) แต่เชื่อเถอะว่าบรรดาทีมใหญ่ ถ้าคิดจะแยกจริงๆ พวกเขาไม่สนคำขู่หรอก
 
ถ้าจะแยกออกมาทั้งที ก็รู้แต่แรกแล้วว่า จะไม่ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกอยู่แล้ว อยากจะแบนก็แบนไป ส่วนลีกในประเทศ ยูฟ่าก็ขู่ไปอย่างนั้นแหละ ทำจริงไม่ได้หรอก ถ้าพรีเมียร์ลีกไม่มี แมนฯยูไนเต็ด, แมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซน่อล และสเปอร์ส ถามหน่อยว่า จะยังมีคนดูมากน้อยแค่ไหน และลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจะได้เยอะเท่าปัจจุบันนี้ไหม
 
นอกจากสั่งว่าจะแบนแล้ว ยูฟ่ายังประณามอีกด้วย โดยแถลงว่า "เราขอขอบคุณสโมสรหลายๆประเทศ โดยเฉพาะฝรั่งเศส และเยอรมัน ที่ปฏิเสธจะเข้าร่วมกับการแข่งซูเปอร์ลีก และเราขอเรียกร้องให้คนรักฟุตบอลทุกคน แฟนบอล และนักการเมือง ออกมาต่อสู้กับโปรเจ็กต์นี้ เราต้องต่อต้านความเห็นแก่ตัวที่เกิดขึ้น เรื่องนี้มันยืดเยื้อมานานเกินไปแล้ว มันต้องยุติแค่นี้ และในยามที่สังคมของเราต้องการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างที่สุด แต่กลับมีบางสโมสรที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวแบบนี้ เป็นเรื่องที่ยากจะรับได้"
 
ขณะที่กรณีของไม้อ่อน ยูฟ่า ประกาศไปแล้วว่าจะเพิ่มจำนวนทีมในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเป็น 36 ทีมในอนาคตอันใกล้ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ทีมใหญ่ๆ ได้สิทธิ์มาเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกมากขึ้น จากเดิมสูงสุด 4 ทีม อาจเพิ่มให้ลีกใหญ่ได้ 5 หรือ 6 ทีมก็เป็นไปได้ ส่วนเรื่องรายได้ ก็คาดว่าจะมีการจัดสรรให้มากขึ้นกว่านี้อีก
 
เอาจริงๆ ยูฟ่ารู้ดีว่า พวกเขาเจ็บตัวหนักแน่ ถ้ามีซูเปอร์ลีกเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่แค่แชมเปี้ยนส์ลีกจะล่มสลาย แต่ระบบบอลลีกในประเทศอาจพังพินาศกันหมดก็ได้ เงินจะไปกองรวมกันแค่กลุ่มทีมเล็กๆในซูเปอร์ลีก ดังนั้นพวกเขายอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด
 
ส่วนกระแสของคนในวงการฟุตบอลส่วนใหญ่จะออกมาต่อต้าน เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า "ผมมีความทรงจำมากมายเกี่ยวกับฟุตบอลยุโรป ทั้งสมัยเป็นนักเตะกับทีมดันเฟิร์มลิน และสมัยเป็นผู้จัดการทีม ที่ช่วยอเบอร์ดีนคว้าแชมป์คัพวินเนอร์สคัพได้สำเร็จ สำหรับทีมเล็กๆในสกอตแลนด์ การไปถึงจุดนั้นได้ มันเหมือนคุณไต่เขาเอเวอเรสต์ได้แล้ว ส่วนในช่วงที่คุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมพาทีมลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ 4 ครั้งในแชมเปี้ยนส์ลีก และเกมเหล่านั้น คือค่ำคืนที่พิเศษสุดของผมเสมอมา"
 
 
คำกล่าวของเฟอร์กูสันแปลว่า เขายังศรัทธาในระบบดั้งเดิมที่มียูฟ่าเป็นคนควบคุม การที่แยกถ้วยออกไป เป็นการลบล้างประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่เขาเคยสร้างเอาไว้ด้วย ลองคิดเล่นๆว่า ถ้าซูเปอร์ลีกได้รับความนิยม แล้วแมนฯยูไนเต็ด ไม่ได้เข้าร่วมแชมเปี้ยนส์ลีกอีกแล้ว สมมุติผ่านไปอีกสัก 30 ปี เด็กในยุคนั้น จะยังคงให้คุณค่ากับแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่เฟอร์กี้เคยทำได้ ในปี 1999 หรือ 2008 หรือไม่ เราก็ไม่อาจจะทราบได้
 
 
การต่อต้านก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าถามว่า มีโอกาสที่ซูเปอร์ลีกจะเกิดขึ้นได้ไหม คำตอบคือ "เป็นไปได้" คือครั้งนี้ มีความใกล้เคียงที่สุดในรอบหลายสิบปีก็ว่าได้
 
 
สาเหตุที่มันเข้าใกล้ขนาดนี้ เพราะในจำนวน 12 ทีม ที่คอนเฟิร์มว่า ต้องการมีส่วนร่วมกับโปรเจ็กต์ซูเปอร์ลีก มีถึง 7 สโมสรที่เป็นทุนต่างชาติทั้งนั้น และไม่แปลกเลย ถ้าพวกเขาจะคิดถึงกำไรเป็นอันดับหนึ่ง
 
 
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ตระกูลเกลเซอร์ (อเมริกา)
- ลิเวอร์พูล : เฟนเวย์ สปอร์ตกรุ๊ป (อเมริกา)
- อาร์เซน่อล : สแตน โครเอนเก้ (อเมริกา)
- เชลซี : โรมัน อบราโมวิช (รัสเซีย)
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
- เอซี มิลาน : เอลเลียตต์ เมเนจเมนต์ (อเมริกา)
- อินเตอร์ มิลาน : ซูหนิงกรุ๊ป (จีน)
 
คือเมื่อก่อน ถ้าเจ้าของเป็นคนท้องถิ่น อาจจะยังมีการชั่งใจถึงผลเสียหายต่อฟุตบอลระดับรากหญ้าอยู่บ้าง แต่เมื่อปัจจุบัน เจ้าของก็ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับฟุตบอลท้องถิ่น จึงไม่แปลกนัก ที่พวกเขาจะมองแค่ว่า ทำอย่างไรสินค้าของตัวเองจะสร้างกำไรได้สูงสุดเท่าที่จะทำได้
 
ณ เวลานี้ ยูฟ่าจึงต้องใช้กลเม็ดทุกวิถีทางในการยับยั้ง เพื่อหยุดซูเปอร์ลีกไว้แค่ตรงนี้เท่านั้น ในมุมของยูฟ่า ฟุตบอลก็คือฟุตบอล จะเอาแนวทางอเมริกันเกมส์มาใช้ มันไม่เวิร์กหรอก
 
เรื่องนี้จริงๆ ก็พอเข้าใจได้ทั้งสองมุม ลองเปรียบกับบริษัทแห่งหนึ่ง มีพนักงานอยู่ 12 คนที่เก่งมาก สร้างรายได้ให้บริษัทอย่างมหาศาล แต่กลับได้รายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ก็เลยขู่บริษัทว่า ถ้าได้เงินน้อยขนาดนี้ สู้พวกเราแยกออกมาตั้งบริษัทเองไม่ดีกว่าหรือ
 
แต่ในมุมของยูฟ่า ก็สวนกลับว่า บริษัทเองก็สร้างชื่อเสียงและสร้างศักดิ์ศรีให้พนักงานทั้ง 12 คนอย่างมากมาย และรายได้ที่บริษัทได้มา ก็ต้องกระจายแบ่งให้พนักงานคนอื่นด้วย ถ้าไม่มีพนักงานคนอื่นคอยซัพพอร์ท คิดดีๆนะ ทั้ง 12 คนจะโดดเด่นได้ขนาดนี้งั้นหรือ
 
เอาล่ะ การต่อสู้ระหว่างกลุ่มซูเปอร์ลีก กับยูฟ่า ก็ยังดำเนินต่อไป โดยฝั่งยูฟ่าต้องไปหาวิธีว่า จะขยับรายได้อย่างไร ให้ทีมใหญ่พอใจมากขึ้น จะสามารถหาตัวเลขตรงกลาง ระหว่างกันได้หรือไม่
 
ขณะที่สโมสรใหญ่จะเอาแต่กำไรอย่างเดียวก็ไม่ได้ คุณจะปล่อยให้ประวัติศาสตร์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกของตัวเอง ให้เป็นแค่ความทรงจำ มั่นใจหรือเปล่าว่าแฟนบอลตัวเองเอาด้วย
 
สุดท้าย ส่วนตัวแอดมิน เชื่อเหมือนที่พี่หมวย-มาเฟี่ยรี่บอกเอาไว้ ว่าเราไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น ข่าวซูเปอร์ลีกมีมาตลอดนั่นแหละ ถ้าคนในวงการสื่อกีฬาจะทราบดีว่า 2-3 ปีก็มีข่าวที แต่มันก็ไม่เคยทำได้จริงๆ เพราะการสร้างถ้วยใหม่ สเกลนี้ ในยุคนี้ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
 
และมีข้อสังเกตคือ เหล่าทีมใหญ่กับยูฟ่า ที่งัดข้อกันตอนนี้ ไม่ได้ขัดแย้งเรื่องอุดมการณ์ แต่ขัดแย้งเรื่องเงิน
 
 
เมื่อมีปัญหาเรื่องเงิน ก็ต้องใช้เงินเคลียร์ ถ้าได้ตัวเลขที่ทุกคนพอใจ ตอนจบของละครเรื่องนี้ก็จะแฮปปี้เอ็นดิ้งในที่สุด
 
 
ที่มา : วิเคราะห์บอลจริงจัง : https://www.blockdit.com/posts/607d78b369000711199bf80d
 
 

 

Visitors: 1,412,457