Smells Like Home เพราะกลิ่นของบ้านคือกลิ่นที่ปลอดภัย แล้ว ‘กลิ่น’ เฉพาะตัวของบ้านเรามาจากไหนกันแน่?

Smells Like Home เพราะกลิ่นของบ้านคือกลิ่นที่ปลอดภัย แล้ว ‘กลิ่น’ เฉพาะตัวของบ้านเรามาจากไหนกันแน่?

ถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งที่บ่งบอกความเป็น ‘บ้าน’ ได้มากที่สุด? 

คำตอบอาจเป็น สัตว์เลี้ยงตัวโปรด อาหารแสนอร่อยฝีมือแม่ หรือเตียงนอนนุ่มๆ ที่เราอยากจะเอนกายลงไปทุกเมื่อ หรือแม้กระทั่ง ‘กลิ่นเฉพาะตัว’ ที่ทำให้รู้สึกว่า นี่แหละ บ้านของเรา ซึ่งกลิ่นที่ว่านี้มักจะมาพร้อมกับความสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แถมทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายไปได้พร้อมๆ กัน 

ถึงแม้ ‘กลิ่น’ ที่ว่านี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนนึกถึง แต่เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้กลิ่นที่ทำให้นึกถึง ‘บ้าน’ ไม่ว่าจะเป็นบ้านของเราเองหรือของปู่ ย่า ตา ยาย

ซึ่งเหตุผลที่เราได้กลิ่นใดกลิ่นหนึ่งแล้วนึกถึงบ้านนั้นเป็นเพราะว่ามันมีความเชื่อมโยงระหว่าง ‘กลิ่น’ กับ ‘ความรู้สึก’ โดยกลิ่นเฉพาะตัวนั้นเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยมากๆ นั่นจึงทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าสถานที่ที่หนึ่งนั้น ‘smells like home’ หรือ ‘มีกลิ่นเหมือนบ้าน’ เพราะมันเป็นการผสมผสานของกลิ่นต่างๆ ที่อยู่ภายในบ้านกับความรู้สึกของเราเข้าไว้ด้วยกัน  

เราลองมาดูกันดีกว่าว่ามีปัจจัยอะไรบ้างในการสร้างกลิ่นที่ไม่เหมือนกันในแต่ละบ้าน 

อย่างแรกเลยคือ ‘สิ่งของเครื่องใช้’ ดอว์น โกลด์เวิร์ม (Dawn Goldworm) ผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นเปิดเผยว่า ของใช้ในบ้านหรือของใช้ส่วนตัวอย่าง เทียนหอม น้ำยาซักผ้า สบู่ โลชั่นทาตัว เจลแต่งผม และอาหารที่เรากินในบ้าน เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการสร้างกลิ่น 

มากไปกว่านั้น ‘กลิ่นเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล‘ ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน โดยโกลด์เวิร์มกล่าวว่า “แต่ละคนจะมีกลิ่นเฉพาะของตัวเองที่มาจากดีเอ็นเอที่ประกอบกันเป็นลักษณะกลิ่นกายของพวกเขา” รวมไปถึง Major Histocompatibility Complex หรือ MHC ที่ทำหน้าที่ควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของเรา และ ‘Olfactory Fingerprints’ ซึ่งเป็นวิธีการกำหนดลักษณะกลิ่นของแต่ละคน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บ้านของเรามีกลิ่นที่แตกต่าง 

อย่างต่อมาที่สำคัญคือ ‘ลักษณะของผู้อยู่อาศัย’ โดยเราจะเห็นได้ว่าเมื่อเราเปิดประตูเข้าไปในบ้านที่มีแต่ ‘ผู้สูงอายุ’ อาศัยอยู่นั้น กลิ่นที่เรารู้สึกจะแตกต่างออกไปจากบ้านที่มี ‘เด็กๆ’ อาศัยอยู่ด้วย เพราะกลิ่น มักจะเชื่อมโยงกับอายุของผู้อยู่อาศัย อย่างบ้านที่มีเด็กน้อยอาศัยอยู่ก็จะมีกลิ่นที่สื่อถึงวัยนั้นๆ เช่น ของเล่นพลาสติก สีเทียน หรือดินน้ำมัน 

นอกเหนือจากนี้ ‘สถานที่ที่เราอยู่อาศัย’ ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีอิทธิพลต่อกลิ่นของบ้าน ลองนึกภาพ ‘อาคารเก่าที่ทำจากไม้’ กับ ‘อาคารสร้างใหม่ที่มาจากปูนและอิฐ’ แน่นอนว่า กลิ่นของสองอาคารนี้จะต้องแตกต่างกันแน่นอน เพราะวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างนั้นไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ ‘สีที่ใช้ทาอาคาร’ และ ‘พรมที่วางอยู่ในห้องนั่งเล่น’ ก็ก่อให้เกิดกลิ่นเช่นกัน และเมื่อมันมารวมกับกลิ่นอื่นๆ ในบ้านของเราจึงทำให้เกิดกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ตามมา

ปัจจัยต่อมาก็คือ ‘คุณภาพอากาศ’ โดยบ้านที่ตั้งอยู่ในเมืองท่ามกลางตึกสูง อย่าง ‘ปักกิ่ง ‘หรือ ‘กรุงเทพฯ’ ก็จะเจอมลพิษทางอากาศที่สูงกว่าบ้านที่ตั้งอยู่ในเมืองตากอากาศอย่าง ‘ไอบิซา’ และ ‘โลซานน์’ เพราะอากาศสามารถเล็ดลอดผ่านกระจกและรอยร้าวตามตัวอาคารเข้ามาในบ้านของเราได้ และเมื่อมันผสมกับวัสดุภายในบ้านก็จะทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวนั่นเอง 

แต่ทำไมเราถึงไม่ได้กลิ่นบ้านของเราเลยล่ะ?

ถึงแม้ว่ากลิ่นจะสำคัญกับชีวิตเรามากเพียงใดอย่างที่ วิลเลียม ทูลเลตต์ (William Tullett)  รองศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ประสาทสัมผัส ได้กล่าวว่า ‘เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่มนุษย์พยายามใช้กลิ่นเป็นส่วนหนึ่งในการสื่อสารตัวตน ชาวยุโรปเผากำยานเป็นยาฆ่าแมลงในยุคแรกใช้โรสแมรีเพื่อพยายามปัดเป่าโรคร้าย แถมพวกเขายังใช้กลิ่นเหล่านี้เพื่อความเพลิดเพลิน’ 

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่เรามักจะไม่ได้กลิ่นใดกลิ่นหนึ่งเมื่อเราอยู่กับมันมาเป็นเวลานานนั้นเป็นเพราะว่าจมูกของเราจะมีการปรับตัวหลังจากสูดดมกลิ่นนั้น เนื่องจากตัวรับกลิ่นในจมูกจะหยุดตอบสนองเมื่อโมเลกุลในอากาศที่เป็นส่วนหนึ่งของกลิ่นเดินทางเข้ามาในจมูก ซึ่งเรียกว่า ‘Olfactory Adaptation’ หรือ ‘จมูกไม่ได้กลิ่น’ 

กลิ่นสำคัญยังไง? 

กลิ่นของบ้านเรานั้นมีความสำคัญเพราะมันเชื่อมโยง ‘ความรู้สึกของเรา’ กับ ‘ประสาทรับกลิ่น’ โดยสมองส่วนรับกลิ่นนั้นจะเชื่อมต่อกับระบบลิมบิก ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างให้อารมณ์ของเราเกิดขึ้น จึงทำให้เมื่อเราได้กลิ่นบางอย่างที่เราชอบหรือคุ้นเคยแล้วเราจะรู้สึกดี ปลอดภัยและสบายใจ 

มากไปกว่านั้น กลิ่นมักจะหลอมรวมเข้ากับ ‘ความทรงจำ’ ของเราด้วย เพราะอารมณ์และความทรงจำมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก นี่คือเหตุผลว่าทำไมเรามักเชื่อมโยงกลิ่นกับช่วงเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะในวัยเด็กนั่นเอง 

ถ้าจะพูดว่า ‘กลิ่นเฉพาะตัว’ นี้ทำให้บ้านของเราเป็น ‘คอมฟอร์ตโซน’ หรือที่ที่เราสบายใจและรู้สึกเป็นตัวเองมากที่สุดก็ไม่ผิด ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม หลายๆ คนถึงติดบ้านและไม่อยากออกไปไหนถึงแม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม เพราะ ‘บ้าน’ ทำให้เรารู้สึกเหมือน ‘ถูกโอบกอด’ จากคนที่เรารักนี่เอง 

อ้างอิง



ที่มา : https://www.brandthink.me/content/smells-like-home



Visitors: 1,222,427