อะไรคือ Ramsay Hunt syndrome หรือโรคใบหน้าอัมพาต

dit

อะไรคือ Ramsay Hunt syndrome หรือโรคใบหน้าอัมพาต

รู้จักโรค "Ramsay Hunt syndrome" ใบหน้าอัมพาต ที่จัสติน บีเบอร์ กำลังป่วย

วันที่ 11 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวราายงาน เกี่ยวกับอาการของนักร้องวัย 28 ปี จัสติน บีเบอร์ ที่ได้ออกมาเปิดเผยผ่าน Instagram ที่ชื่อ  justinbieber ว่าตัวเองประสบปัญหาของอาการ โรครัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม จนทำให้เลื่อนทัวร์คอนเสิร์ตออกไป

วันนี้จะพาไปทำความรู้จัก โรครัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม ที่เกิดขึ้นได้ในทุกคน รายงานจาก Mayo Clinic อธิบายว่า โรครัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม เป็นภาวะแทรกซ้อนของกลุ่มอาการโรคงูสวัด ที่ส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทบนใบหน้าบริเวณหู นอกเหนือจากอาการเจ็บปวดของผื่นงูสวัดแล้วนั้น รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรมยังส่งผลกระทบทำให้เกิดอัมพาตที่ใบหน้า และสูญเสียการได้ยิน 

รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับ “อีสุกอีใส” แม้โรคอีสุกอีใสจะหายแล้ว แต่ตัวไวรัสยังคงอยู่ในร่างกาย และหลายปีหลังจากนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทใบหน้า การรักษาอาการรัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม อย่างทันท่วงทีจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนเช่น กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง และหูหนวก


รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม

เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับ “อีสุกอีใส” แม้โรคอีสุกอีใสจะหายแล้ว แต่ตัวไวรัสยังคงอยู่ในร่างกาย และหลายปีหลังจากนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทใบหน้า การรักษาอาการรัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม อย่างทันท่วงทีจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนเช่น กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง และหูหนวก


สัญญาณเตือน

สัญญาณเตือนของโรค รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม จะแสดงออกอยู่ 2 แบบคือ

– เกิดผื่นแดง เจ็บปวด มีแผลพุพอง และมีของเหลวภายใน หรือรอบๆ หูข้างใดข้างหนึ่ง

– กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หรืออัมพาตข้างเดียวกับหูที่เกิดอาการ

โดยปกติแล้วอาการผื่นขึ้น จะเกิดขึ้นพร้อมกับใบหน้าอัมพาต ในบางครั้งอาการใด อาการหนึ่งเกิดขึ้นก่อน และในบางครั้งจะไม่มีผื่นเกิดขึ้น

 

อาการที่มักเจอ

• ปวดหู
• สูญเสียการได้ยิน
• หูอื้อ
• ปิดตาลงข้างเดียวลำบาก
• เกิดอาการเวียนศีรษะเมื่อขยับตัว
• สูญเสียการรับรสชาติ
•เกิดอาการปากแห้ง ตาแห้ง

 

สาเหตุของโรค

โรครัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน เมื่ออาการอีสุกอีใสหายไป เชื้อไวรัสยังคงอยู่ในร่างกาย แต่จะแสดงอาการออกมาหลายปีหลังจากนั้นในรูปแบบของโรคงูสวัด และเกิดผื่นตุ่มใสที่ค่อนข้างเจ็บ “รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม” เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของอาการโรคงูสวัดนี้ ที่ส่งผลต่อเส้นประสาทหน้าบริเวณหูข้างใดข้างหนึ่ง นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบเกิดอัมพาตใบหน้า และสูญเสียการได้ยินในข้างเดียวกัน

 

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค

กลุ่มอาการของ รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่เคยเป็นอีสุกอีใส แต่จะพบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป พบไม่บ่อยนักในเด็ก

รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่อย่างไรก็ตาม การเกิด รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม ทำให้ไวรัส varicella-zoster สาเหตุของ อีสุกอีใสทำงานอีกครั้ง ดังนั้นอาจจะเสี่ยงเป็นอีสุกอีใส ในกลุ่มบุคคลที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกัน หรือสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุัมกันอ่อนแอ ทารกแรกเกิด หญิงตั้งครรถ์

 

ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนของ รัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม ประกอบด้วย การสูญเสียการได้ยินแบบถาวร กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแอ โดยคนส่วนใหญ่ที่เกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวจะเป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่มันสามารถกลายเป็นถาวรได้

ดวงตาเสียหาย เนื่องจากอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง ทำให้การปิดเปลือกตาค่อนข้างยาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกระจกตาที่ป้องกันดวงตา อาจะเกิดความเสียหาย และความเสียหายจากตรงนี้ทำให้เกิดอาการปวดตา ตาพร่ามัว

โรคประสาท Postherpetic อาการเจ็บปวดนี้เกิดขึ้นจาก โรคงูสวัดทำลายเส้นใยประสาท ทำให้เกิดอาการสับสน พูดเกินจริง ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเป็นเวลานานหลังจากอาการของโรครัมเซย์ฮันท์ ซินโดรมหายไปแล้วก็ตาม

 

การป้องกัน

ในกลุ่มเด็กสามารถป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนอีสุกอีใส ซึ่งช่วยลดการติดเชื้ออีสุกอีใสได้อย่างมาก ส่วนผู้สูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัด

สำหรับจัสติน บีเบอร์นั้นต้องเลื่อนจัดทัวร์คอนเสิร์ต “จัสติสเวิลด์ทัวร์” (Justice World Tour) ออกไปอีกครั้ง ครั้งแรกเกิดจากนักร้องหนุ่มติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 21 กุมพาพันธ์ 2561

ทั้งนี้จัสตินยังเคยถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคไลม์ (Lyme diseaswe) และ Chronic Mono ที่ส่งผลต่อผิวหนัง การทำงานของสมอง กำลังและสภาพร่างกาย

โดยสาเหตุของโรคเกิดจากเห็บกัด ซึ่งเห็บตั้วนั้นมีเชื้อแบคทีเรีย Borrelia Garinii ที่เข้าสู่กระแสเลือดหลังโดนกัดทำให้เกิดอาการป่วยทั้งทางร่างกาย และอาการทางจิตเวช ยังไม่รวมถึงโรคซึมเศร้า และเสพติดยาอย่างหนัก ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา

 

 

ที่มา : Bigmama ชวนอ่าน
blockdit

 

 
Visitors: 1,405,377