ตัวเลขที่ไม่น่าอภิรมย์นักสำหรับระดับน้ำทะเลทั่วโลกที่อาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 70 ซม. ภายในปี 2070 เนื่องจากโลกยังคงอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ธารน้ำแข็งบนภูเขาหลายแห่งบนโลกละลาย
“หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง นอกจากจะทำให้เราสูญเสียที่ดินและที่อยู่อาศัยแล้ว มรดกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของประเทศติดชายฝั่งก็จะพลอยจมหายไปกับน้ำทะเลด้วย” เดนนิส กล่าว
ย้อนกลับไปในปี 2020 เคยมีการรายงานเรื่องระดับน้ำทะเลที่อาจเพิ่มสูงขึ้นมาแล้ว ในครั้งนั้นเป็นงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์กับวารสาร Nature Climate Change ซึ่งได้วิเคราะห์ไว้ว่า น้ำทะเลที่หนุนสูงขึ้นเรื่อย ๆ อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน จะส่งผลให้ หาดทรายมากกว่า 1 ใน 3 ของโลกจมหายไปภายในปี 2100
มิชาลิส วูดูคัส นักวิจัยจากศูนย์วิจัยร่วมของคณะกรรมาธิการยุโรป ให้ทรรศนะว่า โดยปกติแล้วหาดทรายมักทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการป้องกันพายุชายฝั่งและตอนเกิดน้ำท่วม หากไม่มีหาดทรายขาวเหล่านี้ ผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้วอาจสร้างความเสียหายให้กับมนุษย์มากกว่านี้
มิชาลิส ยังกล่าวอีกกว่า สหรัฐเป็นประเทศที่วางแผนเรื่องระบบการป้องกันของชายฝั่งทะเลที่อาจจมหายได้เป็นอย่างดี ในขณะที่หลายประเทศส่วนใหญ่ อาจไม่สามารถวางแผนระบบวิศวกรรมขนาดใหญ่ในลักษณะนี้ได้ เพราะมีต้นทุนสูงลิ่ว และต้องมีนวัตกรรมที่ล้ำสมัยมาก
ผลของงานวิจัยดังกล่าวยังบอกด้วยว่า ออสเตรเลีย อาจได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากเป็นประเทศที่มีแนวชายฝั่งที่มีหาดทรายขาวยาวเกือบ 15,000 กม. ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจถูกคลื่นซัดหายไปจนหมดสิ้นในอีก 80 ข้างหน้า