ต้นทุน iPhone 16 Pro พุ่ง 55% จากนโยบายภาษีใหม่ของทรัมป์ 2.0

ต้นทุน iPhone 16 Pro พุ่ง 55% จากนโยบายภาษีใหม่ของทรัมป์ 2.0

 

นโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความปั่นป่วนให้กับห่วงโซ่อุปทานของ Apple โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์หลักอย่าง “ไอโฟน” (iPhone)

นโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความปั่นป่วนให้กับห่วงโซ่อุปทานของ Apple โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์หลักอย่าง “ไอโฟน” (iPhone) ที่สร้างรายได้ให้บริษัทกว่า 50% ของรายได้ทั้งหมด มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนใหม่ที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย.68 ที่ผ่านมา จะทำให้อัตราภาษีพื้นฐานสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 54% หลังวันที่ 9 เม.ย.68

นโยบายภาษีนำเข้าของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นเงาแห่งฝันร้ายที่ทอดทาบทับราคา iPhone ให้สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ที่พุ่งทะยานสู่ 54% หลังวันที่ 9 เมษายน 2568 ราวกับคมดาบที่กรีดลงบนต้นทุนการผลิตเข้าไปอีก

โดยผลกระทบของภาษีต่อราคา iPhone สามารถสรุปได้ดังนี้:

ภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ส่งผลให้ต้นทุนการผลิต iPhone สูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่เพิ่มขึ้นเป็น 54% หลังวันที่ 9 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นการรวมภาษี 34% ที่ประกาศล่าสุดกับภาษี 20% ที่เคยกำหนดไว้ก่อนหน้า และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 79% หากมีการเพิ่มภาษีอีก 25%

iPhone มีกระบวนการผลิตระดับโลก โดยชิ้นส่วนมาจากหลายประเทศและส่วนใหญ่ประกอบในจีน ต้นทุน iPhone 16 Pro (256GB) ก่อนภาษีนำเข้าอยู่ที่ประมาณ 580 ดอลลาร์ฯ (ราว 20,027 บาท) ซึ่งรวมต้นทุนชิ้นส่วนจากไต้หวัน, เกาหลีใต้, จีน, สหรัฐอเมริกา, และญี่ปุ่น รวมถึงค่าประกอบและทดสอบในจีน
 

 

เมื่อรวมภาษีนำเข้าใหม่ 54% เข้าไป ต้นทุน iPhone จะพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 850 ดอลลาร์ฯ (29,350 บาท) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรของ Apple อย่างมาก

นักวิเคราะห์จาก Rosenblatt คาดการณ์ว่า Apple อาจเผชิญต้นทุนภาษีนำเข้าสูงถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ฯ และอาจต้อง ขึ้นราคา iPhone บางรุ่นถึง 43% หากบริษัทเลือกที่จะผลักภาระนี้ให้กับผู้บริโภค นั่นหมายความว่าราคา iPhone 16 Pro Max ในสหรัฐฯ อาจสูงถึง 2,300 ดอลลาร์ฯ และในไทยอาจสูงถึงประมาณ 70,000 กว่าบาท

นักวิเคราะห์จาก TechInsights คาดการณ์ว่าราคาขาย iPhone 16 Pro (256GB) อาจปรับขึ้นไปอยู่ที่ 1,400 - 1,500 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 51,100 - 54,750 บาท) จากเดิมที่เริ่มต้นราว 40,000 บาทในไทย

มากไปว่านั้น , ผลกระทบที่แท้จริงอาจน้อยกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากค่าเงินและราคาส่งออกอาจลดลง แต่ราคา iPhone ทุกรุ่นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ถึงแม้จุดประสงค์ของการขึ้นภาษีคือการดึงฐานการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงกลับสหรัฐฯ แต่การย้ายฐานผลิต iPhone ไปสหรัฐฯ ทั้งหมดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าชิ้นส่วนต่างๆ ได้ นอกจากนี้ ต้นทุนการประกอบในสหรัฐฯ ก็สูงกว่าในจีนถึง 10 เท่า (ประมาณ 300 ดอลลาร์ฯ ต่อเครื่องเทียบกับ 30 ดอลลาร์ฯ ในจีน) และหากผลิตชิ้นส่วนทั้งหมดในสหรัฐฯ ต้นทุนอาจสูงถึงเกือบ 3,500 ดอลลาร์ฯ ต่อเครื่อง

 

ต้นทุน iPhone 16 Pro พุ่ง 55% จากนโยบายภาษีใหม่ของทรัมป์ 2.0

 

เร่งผลิตไอโฟนจากอินเดีย คือทางออก

Apple กำลังพิจารณา "ไอโฟนจากอินเดีย" เป็นทางออกระยะสั้น เพื่อลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าจากจีน เนื่องจากภาษีนำเข้าจากอินเดียอยู่ที่ 26% ซึ่งต่ำกว่าจีน Apple มีแผนที่จะผลิต iPhone ในอินเดียประมาณ 25 ล้านเครื่องในปี 2025 และอาจส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากขึ้น อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตในอินเดียยังไม่เพียงพอที่จะทดแทนการผลิตจากจีนได้ทั้งหมด

 นอกจากอินเดีย เวียดนามก็เป็นอีกหนึ่งฐานการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากภาษีของทรัมป์ โดยสินค้าจากเวียดนามจะถูกเก็บภาษี 46% แต่อาจมีข้อตกลงที่ดีกว่าสำหรับเวียดนามในอนาคต

รัฐบาลทรัมป์ 2.0 เชื่อ Apple ย้ายฐานการผลิตมาที่สหรัฐฯได้ 

ขณะเดียวกัน โฆษกทำเนียบขาว Karoline Leavitt ยืนยัน ประธานาธิบดี Donald Trump เชื่อว่า Apple สามารถย้ายฐานการผลิต iPhone มาที่สหรัฐฯ ได้จริง เพราะสหรัฐฯ มีแรงงานและทรัพยากรเพียงพอ รวมทั้ง Apple มีแผนลงทุน 5 แสนล้านดอลลาร์ฯ ในสหรัฐฯ

ภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นเปรียบเสมือนเงาที่คืบคลานเข้าใกล้ราคา iPhone มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตพุ่งทะยาน และอาจนำไปสู่ราคาขายปลีกที่สูงขึ้นจนน่าตกใจสำหรับผู้บริโภค แม้ว่า Apple จะพยายามแสวงหาทางออกอื่น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตในอินเดีย หรือการพิจารณาฐานการผลิตอื่นๆ แต่ในระยะยาว ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทายและความไม่แน่นอน ที่พร้อมจะเขย่ากระเป๋าของเหล่าสาวก "แอปเปิล" ให้สั่นคลอนได้ทุกเมื่อ

 

ที่มา :wsj businessinsider cnbc theverge

https://www.springnews.co.th/digital-tech/technology/857138

 

 

 

Visitors: 1,501,888