ประชากรชาวอินโทรเวิร์ตในที่ทำงานของคุณมีเยอะแค่ไหน? เราอาจได้เห็นกราฟิกเงียบขรึม ดื่มกาแฟดำแต่เช้า พยักหน้ารับบรีฟแล้วก็เงียบไป ราวกับว่าการสื่อสารของเขาจะมีแค่ได้กับไม่ได้เท่านั้น หรือจะเป็นเพื่อนโต๊ะข้างๆ ที่พูดคุยสนุกสนาน แต่ไม่เคยไปแฮงก์เอาต์ต่อสักครั้ง เหตุผลเพราะหลอดพลังงานเข้าสังคมแดงแจ๋แล้วในทุกเย็น แล้วสำหรับคนที่มีหน้าที่ดูแลทีม ต้องพูดคุย ดูแลความเรียบร้อยของทีมเป็นประจำ แล้วถ้าหากเขาเป็นอินโทรเวิร์ต เกิดไม่อยากจะคุยกับใครขึ้นมาจะทำยังไงดีนะ?
เราเคยวาดภาพผู้นำไว้ในใจกันแบบไหนบ้าง เขาต้องเป็นคนพลังงานล้นเหลือ เขาเก่งทั้งการโน้มน้าวและรับฟัง เขาเข้าใจผู้คนรอบข้าง เขาเด็ดขาดรอบคอบ เขามีความรู้ความสามารถในสายงานของตัวเอง มีวาทศิลป์ มีความฉลาดทางอารมณ์ รวมๆ แล้วราวกับว่าตำแหน่งนี้มันถูกสร้างมาสำหรับชาวเอ็กโทรเวิร์ต ที่สามารถใช้ลักษณะนิสัยของการเป็นเอ็กโทรเวิร์ต สร้างความราบรื่นในการดูแลทีมได้ แต่สำหรับชาวอินโทรเวิร์ตล่ะ หากเขาไม่ได้มีหลอดพลังงานเข้าสังคมที่มากพอในวันนั้น หากเขายังไม่พร้อมที่จะพูดคุยกับใคร หากเขาชื่นชอบการทำงานเพียงลำพัง เขาจะสามารถดูแลทีมได้ไหมนะ?
ในงานวิจัยของศาสตราจารย์ คาร์ล มัวร์ (Karl Moore) จาก McGill University ได้สัมภาษณ์เหล่า CEO หลายร้อยคนทั่วโลก พบว่าส่วนใหญ่เหล่าผู้บริหารระดับสูงมักนิยามตัวเองว่าเป็นอินโทรเวิร์ต และลดหลั่นลงมาเป็นผู้บริหารระดับกลางถึงระดับหัวหน้าทีม ยิ่งพบว่าประชากรชาวอินโทรเวิร์ตยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่
ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นชาวอินโทรเวิร์ต ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนั่งเงียบอยู่ในมุมห้อง เป็นคนขี้อาย พูดจาไม่ฉะฉาน หรือบุคลิกเหมือนแอล จากเรื่องเดธโน๊ตกันไปเสียหมด เรายังมีอินโทรเวิร์ตที่คุยสนุกในกลุ่มเพื่อน เล่นมุกถูกจังหวะ พรีเซนต์งานเป็นเลิศ เขาอาจจะเป็นคนที่เข้าสังคมแล้วดูไม่ผิดแปลกจากใคร เพียงแต่พวกเขาไม่ได้มีการเข้าสังคมเป็นที่พึ่งทางจิตใจเหมือนเอ็กโทรเวิร์ตนั่นเอง
แต่ทีนี้พออยู่ในตำแหน่งที่ต้องทำหน้าที่นำทีม ดูแลทีม คงไม่อาจหลีกเลี่ยงหน้าที่การสอดส่องความเป็นไปของเพื่อนร่วมทีม ทั้งประสิทธิภาพในการทำงาน และสารทุกข์สุขดิบส่วนตัวของแต่ละคน ในขณะที่ชาวอินโทรเวิร์ตเองมักจะเกิดอาการแบตหมดระหว่างวัน ต้องแอบไปชาร์จพลังด้วยการเดินออกไปซื้อกาแฟเงียบๆ สูดอากาศที่ระเบียงคนเดียวสักหน่อย หลบมุมนั่งฟังเพลงโปรดพร้อมนึกถึงเตียงนุ่มฟูที่ห้อง พลางอยากให้ถึงเวลาเลิกงานไวๆ ด้วยหน้าที่ทำให้พวกเขาต้องปรับตัวให้ถึงที่สุดในการทำงาน
เพราะการเป็นผู้ฟังคือจุดแข็งของอินโทรเวิร์ต
กลับมาที่งานวิจัยของคาร์ล มัวร์ กันอีกครั้ง จากการพูดคุยสัมภาษณ์กับผู้บริหารหลายระดับ เขาพบว่า ชาวอินโทรเวิร์ตมีจุดแข็งอยู่ที่ การเป็นผู้ฟังที่ดี แต่ว่าในการฟังของอินโทรเวิร์ตนั้นอาจจะต้องเพิ่มอะไรเข้าไปหน่อย อย่างการมีปฏิสัมพันธ์ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรากำลังตั้งใจฟังอยู่จริงๆ นะ ลองนึกภาพชาวเอ็กโทรเวิร์ตในตอนที่เขาเป็นผู้พูด เขาจะมั่นใจ ฉะฉาน สบตาทุกคนที่นั่งตรงนั้น พอเขามาเป็นผู้ฟัง เขามีปฏิสัมพันธ์ ยิ้ม หัวเราะ พยักหน้า แม้บางครั้งอาจจะมากจนล้นไปหน่อย (ช่วยได้ไม่ได้ พลังงานเยอะนี่นา) แต่สิ่งนั้นช่วยให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเรากำลังตั้งใจฟังอยู่จริงๆ นะ
ชาวอินโทรเวิร์ตที่ฟังแล้วเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยินอยู่ในหัว ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ไม่ได้ตอบรับด้วยคำพูดหรือท่าทาง อาจทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเราเป็นผู้ฟัง ที่ฟังเฉยๆ ไม่ได้รับรู้หรือเข้าใจในสารที่สื่อไป คาร์ล มัวร์ เลยแนะนำให้ผู้นำทีมชาวอินโทรเวิร์ต ลองขยับให้ตัวเองมาเป็นผู้ฟังที่กระตือรือร้นดูบ้าง เพื่อให้เพื่อนร่วมงานได้รับรู้ว่าเรากำลังตามสิ่งที่เขาพูดทันอยู่นะ เรากำลังก้าวไปในบทสนทนาเดียวกัน เนื้อหาเดียวกันอยู่ และเราไม่ได้จมหายไปในห้องประชุม
ลุกขึ้นมาแชร์ไอเดียมากกว่าเก็บไว้คนเดียว
ชาวเอ็กโทรเวิร์ต ชื่นชอบที่จะพูดคุยกับผู้คนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะตั้งแต่การระดมไอเดีย ปั้นโปรเจ็กต์ให้เป็นรูปเป็นร่าง หรือแม้แต่ลงมือทำงาน ก็ต้องมีคนคอยรับฟัง พูดคุย ตอบสนองในสิ่งที่เขาอยากสื่อออกไปอยู่เสมอ และพวกเขาจะยิ่งครีเอทีฟมากขึ้น เมื่อมีคนรับฟังและคอยต่อเติมไอเดียให้เขา ตัดภาพไปที่ชาวอินโทรเวิร์ต ตั้งแต่คิดว่าจะทำอะไรดีนะ ได้ไอเดียมาแล้วจนลงมือทำ ทั้งหมดนั้นอยู่ในหัวตั้งแต่เริ่ม ไอเดียมาจากการนั่งมองดินฟ้าอากาศ โยนไอเดียกับกำแพงไปมา แม้จะฟังดูเหงาๆ หน่อย แต่นั่นคือวิธีการทำงานของเขา และเขาออกจะมีความสุขและรู้สึกครีเอทีฟกับวิธีนี้มากกว่า
แต่ถ้าเราเป็นผู้นำทีม เราจะทำงานแบบไม่มีใครรู้ว่าเราต้องการอะไรไม่ได้น่ะสิ แม้จะชื่นชอบการโยนไอเดียกับตัวเองไปมาแค่ไหน แต่การทำงานที่ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมนั้น เราก็ต้องรู้จักวิธีการแชร์ไอเดียให้คนอื่นได้ก้าวตามทันความต้องการของเราด้วย
แต่ไม่ได้หมายถึงให้ลุกขึ้นมาทำตัวเป็นเอ็กโทรเวิร์ตเสียดื้อๆ ลองมีไอเดียในใจมาสักสิบอัน มีเค้าโครงให้แต่ละอันมาบ้าง พอให้ผู้อื่นเห็นภาพ หรืออาจจะคัดเลือกอันเจ๋งๆ ติดมือสัก 3-4 อัน แล้วค่อยไปแชร์ไอเดียกับผู้อื่น ฟังความคิดเห็น ให้ทีมช่วยต่อยอดในส่วนที่ขาดไป อุดรอยรั่วในส่วนที่เรายังนึกไม่ถึง อาจช่วยให้เราได้มีไอเดียที่สมบูรณ์มากขึ้น กว่าการนั่งมองไอเดียที่คิดได้จากเราเพียงด้านเดียว
เพราะไม่ว่าจะเป็นเอ็กโทรเวิร์ตหรืออินโทรเวิร์ต ต่างก็สามารถเป็นผู้นำได้เหมือนกัน แม้ทั้งสองอาจจะมีจุดแข็งจุดอ่อนแตกต่างกันไปบ้าง ก็ถือว่าแต่ละฝ่ายมีข้อดีข้อเสียเป็นของตัวเอง แม้เราไม่อาจเปลี่ยนนิสัยเป็นอีกแบบได้ในชั่วข้ามคืน (หรือจะอีกกี่คืนก็ตาม) แต่การรู้จักสวมบทบาทตามหน้าที่ อาจช่วยให้การทำงานของเราลื่นไหลได้มากขึ้น นั่นหมายถึงเราก็เป็นผู้นำที่ดีได้เหมือนกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก
Illustration by Waragorn Keeranan
ที่มา : https://thematter.co/social/workplace/introvert-leader/153004