งานวิจัยชี้ ‘เตาแก๊ส’ อาจก่อมะเร็งมากกว่าการสูดดม ‘ควันบุหรี่มือสอง’ เสียอีก

งานวิจัยชี้ ‘เตาแก๊ส’ อาจก่อมะเร็งมากกว่าการสูดดม ‘ควันบุหรี่มือสอง’ เสียอีก

เวลาที่เราเห็นคนสูบบุหรี่พร้อมพ่นควันสีขาวคลุ้งออกมาในอากาศ ปฏิกิริยาตอบสนองที่หลายๆ คนมักจะทำกันก็คงเป็นการปิดจมูกแล้วรีบเดินหนี เพราะเราต่างรู้ดีว่า ‘ควันบุหรี่มือสอง’ นั้นอันตรายแค่ไหน เนื่องจากมันอาจก่อให้เกิดโรคยอดฮิตที่คร่าชีวิตคนไทยไปหลายต่อหลายคน อย่างโรคหัวใจหรือมะเร็งปอดได้ 

แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างหนึ่งที่คิดว่าทุกคนควรต้องรู้ไว้ เพราะมีอย่างอื่นที่อันตรายกว่าควันบุหรี่มือสอง กำลังซ่อนตัวอยู่ในบ้านของเรา ซ้ำร้ายมันยังเป็นสิ่งที่หลายคนใช้อยู่ในทุกๆ วัน นั่นก็คือ ‘เตาแก๊ส’ 

ใช่ เตาแก๊สที่ใช้ทำอาหารมื้อพิเศษของหลายครอบครัวนี่แหละ 

โดยมีการศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่ค้นพบว่า การใช้ ‘เตาแก๊ส’ สามารถปล่อยสารเคมีที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งอย่าง ‘เบนซิน’ ได้ ในระดับที่ ‘สูงกว่าควันบุหรี่มือสอง’ เสียอีก เพราะเบนซินที่ว่านี้มันมีความเชื่อมโยงกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคอื่นๆ อีกมากมาย โดยการทำลายไขกระดูกของเรา แถมมันยังสามารถลอยอยู่ในบ้านได้เป็นเวลาถึง 6 ชั่วโมง แม้ว่าจะปิดเตาแก๊สแล้วหรือมีการใช้ฮูดดูดควันและพัดลมดูดอากาศก็ตาม เพราะแทนที่มันจะช่วยขับสารพิษออกไปนอกบ้าน แต่มันกลับเพิ่มการหมุนเวียนสารพิษให้ไหลไปรอบๆ บ้าน ซึ่งผลที่ได้คือ มลพิษจากอากาศภายในอาคารจะมีปริมาณใกล้เคียงหรือมากกว่ามลพิษทางอากาศภายนอกอาคารเสียอีก

นักวิจัยได้ทำการวัดระดับเบนซินในบ้าน 87 หลัง ในรัฐแคลิฟอร์เนียและโคโลราโด สหรัฐอเมริกา และพวกเขาพบว่า การใช้เตาแก๊สปล่อยสารอันตรายนี้ในอัตราสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลกและสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ หรือ US Environmental Protection Agency (EPA) แถมยังสูงกว่าเตาไฟฟ้า 10-25 เท่า

แถมพวกเขายังค้นพบว่า เมื่อเปิดเตาแก๊ส 1 เตาทิ้งไว้เป็นเวลา 45 นาที มันจะปล่อยเบนซินในปริมาณสูงกว่าการสูดดมควันบุหรี่มือสองเสียอีก และแม้แต่เตาที่ใช้ไฟต่ำหรือเตาอบก็ยังปล่อยสารเหล่านี้ในปริมาณมาก ยกเว้นเตาไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยสารใดๆ เลย 

ร็อบ แจ็กสัน (Rob Jackson) นักวิจัยจาก The Stanford Doerr School of Sustainability กล่าวว่า

“เบนซินเกิดขึ้นจากเปลวไฟและสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง แต่การระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดปริมาณของสารพิษชนิดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม การใช้พัดลมดูดอากาศกลับไม่ได้ช่วยในการกำจัดเบนซิน” 

มากไปกว่านั้น แจน เคิร์ช (Jan Kirsch) ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยา ได้เปิดเผยว่า

“ผมยังไม่เคยเห็นสารอะไรเลยที่สามารถก่อมะเร็งได้มากเท่าเบนซิน และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีคนมากมายที่เสียชีวิตจากการสูดดมสารนี้ ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำคือเราต้องเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปให้คนได้รู้ให้เร็วที่สุด” 

นอกจากนี้ การศึกษาเมื่อต้นปีนี้ยังค้บพบว่าการใช้ ‘เตาแก๊ส’ เป็นสาเหตุหนึ่งของ ‘โรคหอบหืด’ ในเด็กมากกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ในอเมริกา เพราะมีงานวิจัยอีกหนึ่งชิ้นที่ค้นพบว่ามลพิษต่างๆ หลายชนิดถูกขับออกจากเตาแก๊ส แม้ว่าจะปิดเตาแล้วก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน จึงพยายามจัดการปัญหามลพิษเหล่านี้ด้วยการกำหนดมาตรฐานสำหรับเตาแก๊สใหม่ และหลายรัฐรวมถึงนิวยอร์ก ได้มีการยกเลิกใช้อุปกรณ์เตาแก๊สในอาคารที่สร้างใหม่แล้ว แต่ก็มีบางรัฐที่พยายามจะออกกฎหมาย ‘ห้ามใช้เตาแก๊สทุกชนิดในครัวเรือน’ เพื่อจัดการปัญหาที่ว่านี้เช่นกัน 

ถึงแม้ปัจจุบันหลายครอบครัวจะหันมาใช้เตาไฟฟ้าในการประกอบอาหารแทนแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายครัวเรือน (และร้านอาหารอีกหลายแห่ง) ที่ยังใช้เตาแก๊สแบบทั่วไปอยู่ ซึ่งก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อสุขภาพและเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งได้ เช่นนี้จึงมีหลายคนมองว่า อาจถึงเวลาต้อง ‘เปลี่ยน’ เพื่อ ‘สุขภาพที่ดีขึ้น’ 

อ้างอิง

 

ที่มา : https://www.brandthink.me/content/gas-stove-like-living-with-a-smoker

 

Visitors: 1,405,382