Vespa สกูตเตอร์เปลี่ยนโลก
ดาสคานิโอ ประสบความสำเร็จในการออกแบบเครื่องบินความเร็วสูง ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญในการรบระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่แน่นอนว่าชีวิตมีขึ้นก็มีลง
หลังสงครามจบลง และอิตาลีไม่ได้อยู่ฝั่งผู้ชนะ - ดาสคานิโอพบว่าเขากลายเป็นคนตกงานเหมือนกับใครอีกหลาย ๆ คนในประเทศ เนื่องจากอิตาลีต้องลงนามสนธิสัญญาว่าจะไม่ทำการวิจัยหรือพัฒนาเทคโนโลยีทางการรบเป็นระยะเวลา 10 ปี และในเวลานั้น โรงงาน Piaggio ก็ถูกระเบิดโดยฝั่งศัตรูอีกด้วย
หลังตกงาน เขาถูกดึงตัวอีกครั้งโดย Ferdinando Innocenti ผู้ทำธุรกิจท่อเหล็กที่โรงงานก็โดนระเบิดทิ้งเหมือนกัน จึงอยากผันตัวมาทำธุรกิจยานพาหนะที่เป็นส่วนตัวและราคาถูก เดินทางสะดวก ในแบรนด์ชื่อว่า Lambretta
ดาสคานิโอ จึงกลายเป็นผู้ออกแบบสกูตเตอร์รุ่นแรกของ Lambretta ที่มีโจทย์ว่าต้องทน ถูก ขี่ง่ายทั้งชาย-หญิง กระโปรงต้องไม่เข้าไปพันล้อ ต้องขนสัมภาระและซ้อนท้ายได้
อย่างไรก็ตาม การดีไซน์ Lambreatta ไม่ประสบความสำเร็จนัก ดาสคานิโอมีความคิดไม่ลงรอยกับเจ้าของบริษัทเรื่องการใช้วัสดุท่อ ดาสคานิโอจึงตัดสินใจหิ้วแบบของเขากลับไปหา Enrico Piaggio ที่เคยร่วมงานกันมาก่อนหน้านั้น
หลังกลับไป Piaggio เขาได้ใช้เหล็กจากการผลิตเครื่องบินรบที่เหลืออยู่ในการออกแบบสร้างตัวถัง และกลายเป็นรถสกูตเตอร์ต้นแบบที่สุดยอดประสบความสำเร็จ และส่งให้แบรนด์ Vespa กลายเป็นรถสกูตเตอร์ที่มีดีไซน์โดนใจคนทั่วโลกนับตั้งแต่วันนั้น… กระทั่งวันนี้ที่ขายไปกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
เรื่องหนึ่งที่เหมือนประชดกันสำหรับดาสคานิโอ นั่นก็คือ เขาเป็นวิศวกรการบิน ที่ไม่ชอบมอเตอร์ไซค์เป็นอย่างมาก (เพราะหลังจากออกแบบ Vespa จบ เขาก็กลับเข้าไปทำงานในวงการเฮลิคอปเตอร์) แต่กลับกลายเป็นว่าต้องกลายมาเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับแบรนด์สกูตเตอร์ระดับโลก 2 แบรนด์อย่างแนบแน่น
แต่อาจจะเป็นเพราะความที่ไม่ชอบไอ้เจ้าสองล้อนี่แหละ ทำให้ดาสคานิโอมองว่าสกูตเตอร์ Vespa ที่เขาออกแบบ จะต้องเป็น Car on Two Wheels ที่นั่งสบายเหมือนรถยนต์ คนขี่นั่งขาคู่และมีที่วางขา และมีเบรกที่เท้า ไม่ใช่เบรกมือแบบรถมอเตอร์ไซค์คันอื่นๆ
ด้วยดีไซน์ที่แปลกตาและกลายเป็นไอคอนิก Vespa จึงกลายเป็นรถที่ทำให้ผู้หญิงอิตาลีออกมาขับขี่บนท้องถนนทั้งที่นุ่งกระโปรงกันมากขึ้น กลายเป็นรถที่วัยรุ่นใช้จีบกัน เพราะทำให้การออกเดตสุดแสนจะโรแมนติกไปกับการนั่งซ้อนท้ายกอดเอวคนขับ กลายเป็นพาหนะพาเดินทางข้ามเมือง กลายเป็นรถที่พ่อใช้ส่งลูกเข้าเรียนในเช้าของทุกวัน กลายเป็นสัญลักษณ์ความอิสระ ความขบถ และการปลดแอก
ว่าด้วย ‘Vespa’ ในประเทศไทย
สำหรับในไทย หลายสิบปีก่อน Vespa เข้ามาในประเทศไทยในฐานะรถขนของ รถส่งผ้า สุดคุ้นตาในย่านเมืองเก่า ก่อนจะเข้ามาอย่างเป็นทางการอีกครั้งเมื่อ 10 ปีก่อน ในนามบริษัท เวสปาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด และกลายเป็นแบรนด์ที่ไม่ใช่แค่มอเตอร์ไซค์ แต่เป็นไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนที่ชื่นชอบในแนวคิดของรถสองล้อแบรนด์นี้
ซึ่งแน่นอนว่า มันคือสิ่งที่ดาสคานิโอ วิศวกรการบินที่ไม่ชอบมอเตอร์ไซค์สุด ๆ สร้างเอาไว้ให้แก่โลกใบนี้
ที่มา : https://www.thepeople.co/business/billion-brand/52743
เรื่อง : Narisara Suepaisa
ภาพ : Italy Magazine
อ้างอิง :
Vespa 1
Vespa 2
Vespapizzeria
Vespa 3
Adrianflux