เมล็ดกาแฟแพงสูงสุดในรอบ 47 ปี! ภัยแล้งทำพิษ ผู้บริโภคทั่วโลกเดือดร้อน

เมล็ดกาแฟแพงสูงสุดในรอบ 47 ปี! ภัยแล้งทำพิษ ผู้บริโภคทั่วโลกเดือดร้อน

สำนักข่าว AFP รายงานว่า “ราคาเมล็ดกาแฟอาราบิกา” แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1977 หรือในรอบ 47 ปีในวันพุธ (27 พ.ย.) และใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากปัญหาภัยแล้งใน “บราซิล” ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลกจนส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิต

เมล็ดกาแฟอาราบิกา 1 ปอนด์ (453.6 กรัม) ที่ซื้อขายในตลาดนิวยอร์กแตะระดับ 320.10 เซนต์ ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้นตลอดปี 2024 โดยเมล็ดกาแฟเคยแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 337.50 เซนต์ในปี 1977

 

สำหรับ “บราซิล” ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก ประสบภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากต่อผลผลิตกาแฟในปีหน้าและปี 2026 ท่ามกลางอุปทานกาแฟที่ค่อนข้างตึงตัวอยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น การหยุดชะงักของการขนส่งทางทะเลแดง ภาษีศุลกากรของสหรัฐที่อาจพุ่งขึ้นในสมัยทรัมป์ และกฎระเบียบสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่าที่เข้มงวดขึ้น ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนราคากาแฟให้ทะยานอีกด้วย

“ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่าสถานการณ์ด้านอุปทานนี้ จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้บริโภค” จอห์น พลาสซาร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์อาวุโสของกลุ่ม Mirabaud กล่าวกับ AFP

ทั้งนี้ เหล่าบริษัทต่าง ๆ กำลังเตรียมเจรจาสัญญากาแฟในช่วงต้นปีหน้า โดยยักษ์ใหญ่ด้านอาหารอย่างเนสท์เล่เตรียมที่จะผลักการขึ้นราคาไปยังลูกค้า

ส่วน The Swiss group ประกาศในเดือนนี้ว่าจะปรับขึ้นราคาและลดขนาดถุงกาแฟเพื่อปกป้องอัตรากำไร

ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ผู้ดื่มกาแฟบางรายที่สำนักข่าว AFP ได้ติดต่อขอความเห็นในวันพุธยืนยันว่า ยังคงซื้อเมล็ดกาแฟ แต่เนื่องจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกเขาจึงเริ่มซื้อกาแฟจากร้านคาเฟ่น้อยลง

“ฉันสังเกตเห็นว่าราคากาแฟขึ้น” จูลี่ วัย 34 ปีกล่าว ขณะกำลังถือแก้วกาแฟที่เพิ่งซื้อจากร้าน “ฉันชอบซื้อกาแฟซองมาชงเองที่บ้าน เป็นเรื่องแปลกที่ฉันจะซื้อกาแฟจากร้าน โดยแต่ก่อนฉันซื้อบ่อยกว่านี้”

นิคกี้ วัย 26 ปีกล่าวว่า เธอยังไม่พร้อมที่จะเลิกซื้อกาแฟจากร้าน “ฉันคงยังคงจ่ายเงินซื้ออยู่ล่ะมั้ง นั่นอาจเป็นเพราะฉันไม่ระวังเรื่องเงิน”

เธออธิบายการดื่มกาแฟว่า “เป็นไลฟ์สไตล์ เป็นวิธีเริ่มต้นวันใหม่ของผู้คน”

ในเวียดนามก็ประสบปัญหาเรื่องอุปทานในปีนี้เช่นกัน โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟโรบัสต้าซึ่งใช้สำหรับกาแฟสำเร็จรูป เนื่องจากประเทศเผชิญกับความแห้งแล้งในช่วงฤดูเพาะปลูก

กาแฟโรบัสต้า กำลังซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 5,200 ดอลลาร์ต่อตัน หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5,829 ดอลลาร์ในกลางเดือนกันยายน

 

อ้างอิง: barrons/กรุงเทพธุรกิจ

 

 

Visitors: 1,405,421