รู้จักกับ ‘Coffee Badging’ เทรนด์การทำงานในออฟฟิศที่คนอเมริกันนิยมมากขึ้น
‘เข้าตามสั่งนะ แต่ไม่ได้กะจะอยู่ทั้งวัน’ รู้จักกับ ‘Coffee Badging’ เทรนด์การทำงานในออฟฟิศที่คนอเมริกันนิยมมากขึ้น
ปัจจุบันเรียกได้ว่าแทบจะทุกบริษัทที่ตอนนี้ให้พนักงานกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศเป็นปกติแล้ว บ้างก็ต้องเข้าทุกวัน บ้างก็เข้าเป็นบางวัน (Hybrid Working) แต่ในขณะเดียวกันก็มีสิ่งสิ่งหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา
จริงอยู่ที่พนักงานกลับไปทำงานที่ออฟฟิศตามคำขอของบริษัท แต่ก็จะมีพนักงานประเภทหนึ่งที่หลายครั้งก็ยากที่จะเจอคนกลุ่มนี้ในตอนเช้า หรือถ้ามัวแต่รอหวังจะเจอตอนเย็น คนคนนั้นก็อาจไม่อยู่ให้เราไปหาได้อีกแล้วในวันนั้น
เรากำลังพูดถึงเทรนด์การทำงานที่เรียกว่า ‘Coffee Badging’ ซึ่งก็คือการที่พนักงานเข้าออฟฟิศไปจิบกาแฟ นั่งคุยกับเพื่อนร่วมงานในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงาน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในทีม และให้รู้สึกเหมือนได้ตราประทับว่า ‘ฉันเข้าออฟฟิศมาให้เห็นหน้าแล้วนะ’ จากนั้นก็เก็บของเอางานกลับไปทำที่บ้านต่อในเวลางานที่เหลือ
Yannique Ivey พนักงานที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีในเมืองแอตแลนตา เล่าผ่านสำนักข่าว CNBC ว่า เธอเข้าออฟฟิศเพียงแค่ 1-2 ครั้งต่อเดือน และจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นแค่ 11.00 น. จนถึงประมาณ 15.00 น. ซึ่งก็เพียงพอต่อการออกไปหาข้าวกลางวันกินกับเพื่อนๆ และพูดคุยอัปเดตกันนิดหน่อย ก่อนที่จะกลับให้เร็วเพื่อเลี่ยงรถติด
ตัวอย่างของ Yannique Ivey เป็นเพียงหนึ่งในหลายเคสที่เหล่าพนักงานในสหรัฐอเมริกาเลือกที่จะเข้าออฟฟิศ เพื่อให้สอดรับกับหน้าที่ที่พนักงาน ‘ต้องเข้า’ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอยู่ที่นั่นตั้งแต่เช้าจรดเย็น เพราะข้อมูลการสำรวจของ Owl Labs จากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกัน 2,000 คน พบว่า 58% ของพนักงานที่ออฟฟิศมีระบบทำงานแบบ Hybrid Working ยอมรับว่า พวกเขากำลังทำ Coffee Badging และอีกส่วนที่ยังไม่เคยลอง 8% ก็มองว่า ไอเดียดังกล่าวน่าสนใจนำไปลองใช้
แม้ผู้บริหารหรือหัวหน้าจะเห็นว่า พนักงานใต้บังคับบัญชาของตัวเองใช้เวลาอยู่ในสถานที่ทำงานได้ไม่ถึงครึ่งวัน อย่างนี้มันถูกต้องแล้วหรือ?
Frank Weishaupt ซีอีโอของ Owl Labs มองว่าเทรนด์ Coffee Badging ไม่ได้แปลว่าพนักงานจะแอบหนีออกจากงานเพื่อไปพักผ่อนในยามบ่าย แต่มันหมายความว่าพวกเขาเห็นคุณค่าของการมาเจอเพื่อนร่วมทีมที่ออฟฟิศเป็นครั้งคราว ซึ่งในปัจจุบันความคาดหวังจากพนักงานได้เปลี่ยนไปจากสมัยก่อนที่ว่า ‘คุณทำงานที่ไหน’ เป็นคำว่า ‘คุณทำงานเมื่อไร’ และความยืดหยุ่นนี้เองเป็นสิ่งที่พนักงานให้คุณค่ามาก
ผลการสำรวจชี้ว่า กลุ่มคนที่จะเข้า-ออกออฟฟิศเร็วที่สุดคือชาว Millennials ตามด้วย Gen X, Gen Z และสุดท้ายก็คือกลุ่ม Baby Boomers และที่น่าสนใจคือ 62% ของกลุ่มตัวอย่างยอมที่จะถูกลดเงินเดือน 10% หรือมากกว่านั้น ถ้ามันจะทำให้พวกเขาสามารถทำงานแบบ Hybrid ที่มีความยืดหยุ่นกว่าได้ และ 4% ขอไปสุดแล้วหยุดที่การลาออกหากพวกเขาต้องเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องความไว้ใจในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน หรือ Productivity ยังคงเป็นข้อกังวลใจระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง “แต่ที่ผ่านมาช่วงโควิดพวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาทำกันได้ ความเป็นจริงทุกวันนี้คือพนักงานต้องการควบคุมเวลาของตัวเอง พวกเขาไม่ได้ถูกจ้างมาเพื่อให้มีคนมาจับจ้องอีกทีว่าเขาทำงานหรือไม่” Frank Weishaupt กล่าว
การติดตามระยะเวลาที่พนักงานใช้ในออฟฟิศคือหนทางการทำลาย ‘ความเชื่อใจ’ ระหว่างพนักงานและองค์กรในสายตาของ Frank Weishaupt
“ถ้าผมต้องสแตนด์บายอยู่ที่โต๊ะของผมในเย็นวันศุกร์ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร แต่ต้องอยู่ตรงนั้นเพียงเพราะเผื่อหัวหน้าจะเรียก ผมคิดว่านั่นหมายถึงองค์กรไม่เชื่อใจในตัวผมในฐานะพนักงานแล้ว” ซึ่งการขาดความเชื่อใจนี้ ก็อาจนำไปสู่ผลเสียแก่องค์กรได้ในที่สุด
อ้างอิง:
ที่มา : https://thestandard.co/coffee-badging/
|