'สิงคโปร์-เวียดนาม-ไต้หวัน' หลุด 'แดนปลอดโควิด' แห่งเอเชีย

'สิงคโปร์-เวียดนาม-ไต้หวัน' หลุด 'แดนปลอดโควิด' แห่งเอเชีย
 
 
'สิงคโปร์-เวียดนาม-ไต้หวัน' หลุด 'แดนปลอดโควิด' แห่งเอเชีย หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มต่อเนื่อง รวมทั้ง ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์อินเดีย
 
เมื่อสามสัปดาห์ก่อน สิงคโปร์เพิ่งได้รับการจัดอันดับจากบลูมเบิร์กว่าเป็นที่ที่ปลอดภัยและดีที่สุดของโลกในช่วงที่โรคโควิด-19กำลังระบาดไปทั่ว พลเมืองสิงคโปร์มีความสุขกับการได้ออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน หรือพักผ่อนอยู่กับบ้าน ภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดขณะที่การฉีดวัคซีนต้านโควิดในหมู่ประชาชนก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
แต่ล่าสุดสิงคโปร์ต้องเผชิญกับไวรัสโควิดสายพันธุ์อินเดียระบาดในประเทศ ซึ่งในบางรายไม่ทราบที่มาของเชื้อ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.สิงคโปร์พบผู้ป่วยรายใหม่ 38 ราย ถือเป็นตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ที่สูงที่สุดในรอบหนึ่งปี ในจำนวนนี้ 7 ราย เป็นผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์อินเดีย หรือ B.1.617 ที่มีอัตราการแพร่ระบาดง่ายกว่าเดิม
 
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเผชิญกับการแพร่ระบาดแบบคลัสเตอร์ที่สนามบินชางงี โดยผู้ป่วยรายใหม่ที่พบเป็นสมาชิกครอบครัวของคนขับรถโดยสารที่สนามบิน และยังพบเจ้าหน้าที่สนามบินป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มเติม สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมภาคการผลิตและท้ายที่สุดจะฉุดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสิงคโปร์
 
โดยเมื่อวันจันทร์ (17 พ.ย.) สิงคโปร์สูญเสียโอกาสครั้งใหญ่จากงานสองงานที่จะช่วยฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว งานแรกคือเลื่อนเปิดโครงการระเบียงท่องเที่ยว หรือทราเวล บับเบิล เป็นครั้งที่สอง หลังจากสิงคโปร์พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นจนไม่สามารถเปิดโครงการในวันที่ 26 พ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดใหม่หลังเลื่อนมาจากครั้งแรก
 
กระทรวงคมนาคมสิงคโปร์ ระบุว่า เนื่องจากสิงคโปร์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ไม่ทราบที่มาในชุมชนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่อาจเริ่มโครงการทราเวล บับเบิล กับฮ่องกงได้ตามกำหนด แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงยืนยันที่จะเปิดโครงการดังกล่าวร่วมกันอย่างปลอดภัย
 
ขณะที่รัฐบาลฮ่องกงบอกว่า จะมีประกาศครั้งใหม่เกี่ยวกับโครงการนี้ภายในวันที่ 13 มิ.ย.ส่วนอีกงานคือคณะกรรมการจัดการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ตัดสินใจยกเลิกการจัดการประชุมดับเบิลยูอีเอฟประจำปีนี้ในสิงคโปร์ เนื่องจากปัจจัยหลายประการ รวมถึง ความไม่แน่นอนในการเดินทาง, การที่ประเทศต่างๆมีระดับความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่แตกต่างกัน และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่
 
ตามกำหนดเดิม การประชุมดับเบิลยูอีเอฟมีกำหนดจัดขึ้นที่สิงคโปร์ในเดือนส.ค. หลังจากที่ถูกเลื่อนมาแล้วครั้งหนึ่งจากเดือนพ.ค.
 
แต่ไม่ใช่เฉพาะสิงคโปร์ เวียดนามที่ไม่มีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มานานกว่า1เดือนก็พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 1,200 คนในรอบ3สัปดาห์จนถึงช่วงบ่ายวันจันทร์ (17 พ.ค.) ที่ผ่านมา
 
และมีการพบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์อินเดีย หรือ B.1.617 ด้วย รัฐบาลเวียดนามจึงประกาศล็อกดาวน์พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและสั่งปิดโรงงานผลิตหลายแห่ง
 
ส่วนไต้หวันก็เร่งรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ที่หวนกลับมาระลอกใหม่ โดยศูนย์ควบคุมโรคของไต้หวัน เปิดเผย 18 พ.ค. ว่าพบผู้ป่วยโควิด-19รายใหม่ 240 ราย
 
ตัวเลขรายวันนี้ถือว่าสูงที่สุดของไต้หวันตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ตอนกลางของจีน เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2562
 
สถานการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่ ทำให้ไต้หวันไม่เปิดรับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าไต้หวัน เริ่มตั้งแต่วันพุธ(19พ.ค.)พร้อมทั้งให้โรงเรียนเปิดการเรียน การสอนเฉพาะออนไลน์เท่านั้นไปจนถึงวันที่ 28 พ.ค.
 
อย่างไรก็ตาม ทั้งเวียดนามและไต้หวันล้วนเคยประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19เมื่อปีที่แล้ว จนทำให้เศรษฐกิจของสองประเทศนี้ขยายตัวเร็วกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันคือขยายตัว 2.9% และ 3.1% ตามลำดับ
 
 
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ : https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
 
Visitors: 1,212,425