October Theory ทฤษฎีเดือนตุลาคม คืออะไร

ทฤษฎีตุลาคม เป็นแนวคิดที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เกิดจากการสังเกตเห็นว่าเดือนตุลาคมมักจะเป็นช่วงเวลาที่หลายคนรู้สึกอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การยุติความสัมพันธ์ที่ไม่ดี หรือการตั้งเป้าหมายใหม่ๆ สำหรับอนาคต

ที่มาของทฤษฎีตุลาคม

ทฤษฎีนี้เริ่มมาจากแอคเคาท์ใน Tiktok ที่ชื่อว่า @kellysites ได้เสนอถึงแนวคิด ว่าเดือนตุลาคมเป็นช่วงเวลาที่เราจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ เช่น หากคุณเลื่อนดูรูปภาพในมือถือย้อนไป 5 ปีที่ผ่านมา คุณจะสังเกตเห็นว่าในเดือนตุลาคมทุกปีนั้นจะมีการเริ่มต้นใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลง หรือความวุ่นวายอะไรบางอย่างในชีวิต และการสิ้นสุดบางอย่าง สิ่งเหล่านี้อาจบอกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการกลับมาทบทวนตัวเองก่อนจะสิ้นปี เพราะเป็นเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าเรากำลังจะเดินเข้าสู่สิ้นปี และปีนี้กำลังจะผ่านไปแล้วจริงๆ

ทำไมเดือนตุลาคมถึงเป็นเดือนพิเศษ

• การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล: ในหลายประเทศ เดือนตุลาคมเป็นช่วงที่ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน อากาศเริ่มเย็นลง ใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่ในธรรมชาติ
• การทบทวนตัวเอง: ก่อนจะสิ้นปี ผู้คนมักจะหันมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา และวางแผนสำหรับอนาคต
• แรงบันดาลใจจากเทศกาล: เทศกาลต่างๆ ในเดือนตุลาคม เช่น ฮาโลวีน หรือวันขอบคุณพระเจ้า อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนอยากจะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ

ทำไมทฤษฎีนี้ถึงได้รับความสนใจ

• ความเชื่อมโยงกับจิตวิทยา: การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและการเข้าสู่ช่วงปลายปี อาจส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้คน ทำให้เกิดแรงกระตุ้นอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
• การสร้างแรงบันดาลใจ: ทฤษฎีนี้เป็นเหมือนแรงผลักดันให้ผู้คนกล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone และลองทำอะไรใหม่ๆ
• การสร้างกระแสในโซเชียลมีเดีย: การแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวและการพูดคุยเกี่ยวกับทฤษฎีนี้บนแพลตฟอร์มต่างๆ ทำให้ทฤษฎีตุลาคมกลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

และด้วยการแพร่หลายบนโลกออนไลน์ จึงทำให้ทฤษฎีตุลาคมได้กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ผู้คนต่างพากันแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวที่สอดคล้องกับทฤษฎีนี้ ทำให้เกิดเป็นกระแสและทำให้ทฤษฎีนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

สรุปคือ ทฤษฎีตุลาคมจึงเป็นเหมือนปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดจากการสังเกตและการแบ่งปันประสบการณ์ของผู้คน แม้จะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยัน แต่ก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจและสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น

ที่มา : https://www.springnews.co.th/news/hot-issue/853735