โลกรวนกระทบต่อเศรษฐกิจ 8.3 หมื่นล้าน/ปี เกษตรกรรายได้น้อย คนเมืองเสี่ยงสุด
โลกรวนกระทบต่อเศรษฐกิจ 8.3 หมื่นล้าน/ปี เกษตรกรรายได้น้อย คนเมืองเสี่ยงสุด
รายงาน NC4 พบว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาจากภาคพลังงาน 69.06% ภาคเกษตรกรรม 15.69% ภาคกระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ 10.77% และภาคของเสีย 4.88% โลกรวนกระทบต่อเศรษฐกิจ 8.3 หมื่นล้านบาท/ปี เกษตรกรรายได้น้อย คนเมืองเสี่ยงสุด โลกรวน โลกเดือด โลกร้อน ไม่ว่าจะโลกอะไรก็ล้วนแต่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ และสิ่งมีชีวิต รวมถึงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโลกเดือด มีหลากคนสงสัยว่าเมื่อโลกร้อนและรวน: ภาคส่วนใดของไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด? แต่ที่แน่ๆเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย คนในเมืองเสี่ยงผลกระทบสูงสุดโดยมีรายงาน NC4 พบว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาจากภาคพลังงาน 69.06% ภาคเกษตรกรรม 15.69% ภาคกระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ 10.77% และภาคของเสีย 4.88% ขณะที่ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รายงานอ้างอิง UNDP Thailand ระบุว่าสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงกระทบมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 83,826 ล้านบาทต่อปี การสะสมของก๊าซเรือนกระจกไม่เพียงก่อให้เกิดสภาพอากาศรุนแรงอันส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตมนุษย์และธรรมชาติ แต่ยังนำไปสู่ความสูญเสียทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล
โดยสภาพอากาศรุนแรง เกือบทุกพื้นที่ในประเทศไทยมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นทุกปี ส่งผลให้เสี่ยงต่อน้ำท่วมฉับพลันและภัยธรรมชาติที่จะเกิดจากอุทกภัยอีกหลายชนิด น้ำทะเลร้อนและสูงขึ้นเป็นภัยต่อชุมชนชายฝั่ง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้เสี่ยงกระทบจากภัยแล้งสูงกว่าภาคอื่น ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบที่ตามมาของสภาพภูมิอากาศสุดขั้วคือ ความอดอยาก การขาดสารอาหาร ความเสียหายต่อการประมง การเพาะปลูก และปศุสัตว์ สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา23% ของพื้นที่ชายฝั่งเผชิญวิกฤตการถูกกัดเซาะและสูญเสียพื้นที่จากการถูกกัดเซาะ 1-5 เมตรต่อปี ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 6,000 ล้านบาท ในด้านเกษตรกรรม โลกร้อนกระทบการเพาะปลูกโดยตรงเพราะความร้อนและปริมาณน้ำฝนที่ผันผวนทำให้ดินในการเพาะปลูกพืชสมบูรณ์น้อยลง และน้ำไม่เพียงพอต่อการทำเกษตรกรรม โดยระหว่างปี พ.ศ. 2554-2588 ผลกระทบสะสมต่อภาคเกษตรสามารถสร้างความเสียหายรวมเป็นมูลค่ารวมสูง 17,912 ถึง 83,826 ล้านบาทต่อปี
ภาคเกษตรมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำเกษตรกรรม 77.57% และจากปศุสัตว์ 22.43% ภาคกระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์เกินครึ่ง คือกว่า 51.28% ภาคของเสียมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการกำจัดขยะมูลฝอย 52.53% ยิ่งโลกร้อน ยิ่งรับมือลำบากโลกร้อนกระทบต่อทุกภาคส่วนและต่อทุกคน แต่ส่งผลกระทบต่อคนแต่ละกลุ่มไม่เท่ากัน โดยเฉพาะคนที่ทำงานในภาคส่วนที่มีความอ่อนไหวสูงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและไม่มีศักยภาพการรับมือต่อผลกระทบได้ดีนักจะได้รับผลกระทบสูงกว่าคนกลุ่มอื่น เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ และกลุ่มธุรกิจที่จำเป็นต้องพึ่งพาสภาพอากาศและทรัพยากรธรรมชาติในการหาเลี้ยงชีพอย่างภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในส่วนที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายย่อย หรือในภาคเกษตรกรรม ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 15.69% แต่ก็มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงเนื่องจากการประกอบอาชีพขึ้นอยู่กับสภาพอากาศโดยตรง สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ต่อคนทุกคน แต่ก็ส่งผลกระทบในมิติที่แตกต่างและไม่เท่าเทียม หรือแม้แต่ในมิติที่เราคาดไม่ถึง เพราะแม้แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองก็สามารถเผชิญความเสี่ยงเนื่องจากความหนาแน่นของประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นและความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงเป็นเรื่องของคนทุกคนและเป็นเรื่องของความยุติธรรมและการแสวงหาความเท่าเทียมอีกด้วย
ที่มา : https://www.springnews.co.th/keep-the-world/climate-change/850068
|