หมูดำดอยตุง เลี้ยงสูตรออร์แกนิก สู้โรค ASF ขายตัวละ 14,000 บาท
หมูดำดอยตุง เลี้ยงแบบออร์แกนิก สู้โรค ASF หมูเถื่อนไม่กระเทือน ชาวบ้านสร้างรายได้ต่อยอดแปรรูปขายได้ตัวละ 14,000 บาท 11,493 คน คือ จำนวนประชากรในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย 1 ในวิสาหกิจชุมชน ที่ “คนดอยตุง” เป็นพี่เลี้ยงและกำลังได้ผลและพัฒนาต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง คือ “การเลี้ยงหมูดำดอยตุง” ล่าสุด ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ พาขึ้นดอยไปเยี่ยมชม ศูนย์วิจัยและพัฒนาหมูดำดอยตุง ที่แรกเริ่มมาจาก รัฐบาลจีนน้อมเกล้าฯถวาย หมูดำเหมยซาน แด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต่อมากรมปศุสัตว์ โดยสำนักพัฒนาพันธุ์สัตว์ ได้เลี้ยงและศึกษาวิจัย จนถือว่า “นิ่ง” แล้วกระจายพ่อ-แม่พันธุ์ ให้เกษตรกรไปเลี้ยง
ด้วยการเลี้ยงสูตรเฉพาะ “หมูดำดอยตุง” ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนสัตว์พื้นเมืองประจำถิ่น เมื่อปี 2566 ภายหลังจากที่มีการนำหมูดำพันธุ์เหมยซานมาพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ โดยรักษาพันธุ์เหมยซานไว้ 62% จนได้ลักษณะท้องถิ่นตามที่ต้องการ มีจุดเด่น คือ ให้ลูกดกถึง 25 ตัวต่อครอก หมูดำดอยตุง และเป็นหมูอารมณ์ดี ไม่ถูกตัดหางแบบหมูที่เลี้ยงในระบบอุตสาหกรรม เทียบ อัตราเนื้อต่อกระดูกกับหมูฝรั่งอัตราเท่า ๆ กัน แต่มีความพิเศษกว่า ตรงที่ ตัวหมูดำสนิท เนื้อเยอะมีความเหนียวนุ่มมีมันแทรกในเนื้อ ไม่เหนียวติดฟัน เรียกว่าเป็นหมูเด้งธรรมชาติ ที่วิสาหกิจชุมชน กลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ อ.แม่ฟ้าหลวง ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูดำในพื้นที่ 168 ครัวเรือน และ 91 ครัวเรือน มีรายได้จากการจำหน่าย 5,728,400 บาท เฉลี่ยครัวเรือนละ 62,949 บาท มินต์-นิภาพร พรสกุลไพศาล ลูกสาวชาวเผ่าลาหู่ บ้านขาแหย่งพัฒนา เมื่อเรียนจบ ม.6 จากโรงเรียนบ้านห้วยไร่พัฒนา ทั้งครอบครัวเคยไปทำงานที่เกาหลีใต้ แล้วกลับมาสร้างอาชีพเลี้ยงหมูดำ และเป็นตัวอย่างของวิสาหกิจชุมชน ที่เลี้ยงหมูดำดอยตุงแล้วประสบความสำเร็จ จากจุดเริ่มต้นครอบครัวของนิภาพร ลงทุนแม่พันธุ์ 1 ตัว 20,000 บาท ออกลูก 10 ตัว อีก 15,000 บาท ปัจจุบันยกขายเป็นครอก บางครอกได้สูงสุด 15 ตัว ตัวละ 9,000 บาท รายได้ครอกละ 135,000 บาท ในหนึ่งปี มี 2 ครอก รายได้ประมาณ 270,000 บาท มินต์กำลังจะร่วมทุนกับเพื่อน เพื่อต่อยอดวิสาหกิจหมูดำ ด้วยการเปิดที่พัก “เกษตรนกฮูก” และเสิร์ฟชาบู “หมูดำกระทะ” และแปรรูปหมูดำแพ็กส่งขาย เธอเล่าว่า ตอนนี้กำลังเรียนวิธีทำไส้กรอก และลงทุนซื้อเครื่องสไลซ์หมู ทำให้เนื้อหมู 1 ตัว ขายได้ถึง 14,000 บาท อนาคตเธอจะเปิดเขียงหมู และขายอาหารหมูด้วย ทั้งนี้ หมูดำดอยตุง ที่ร้านอาหารบนดอยตุงนำมาแปรรูปเป็นแฮม ไส้กรอก จะมีมูลค่ามากกว่า 2-3 เท่า ภายใต้แรงงานในครอบครัว 3 คน คือเธอ-แม่และพ่อ “มินต์” ไม่เพียงขายเนื้อหมูให้กับคนในดอยตุง แต่เธอยังเปิดเพจขายหมูดำออนไลน์ด้วย ดังนั้นในช่วงที่ราคาหมูตกต่ำ หรือปัญหาหมูเถื่อน จึงไม่กระเทือนกิจการถึงวิสาหกิจชุมชนบนดอยตุงที่เลี้ยงหมูดำ ซีอีโอแม่ฟ้าหลวงฯตบท้ายว่า การเลี้ยงหมูดำดอยตุง ทำให้ชาวบ้าน ได้ทุน ได้ความรู้ ตอบโจทย์การพัฒนาคน สร้างรายได้ต่อยอดองค์ความรู้ใหม่ ๆ ทั้งเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ ความรู้ในการเลี้ยง และการสร้างสูตรอาหารเฉพาะพื้นที่ขึ้นมา ม.ล.ดิศปนัดดาสรุปว่า ตอนนี้เริ่มมีผู้ประกอบการดอยตุง ลุกขึ้นมาเห็นช่องทางการพัฒนาอาชีพ แข่งขันในระดับจังหวัดกันมากขึ้น หลายคนได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากต่างประเทศ และนำองค์ความรู้ใหม่ ๆ มาใช้ จึงไปต่อได้อย่างยั่งยืนกว่าในหลายมิติ เหมือนการเลี้ยงหมูดำ ได้เจาะลึกในฐานความรู้จนทำให้สายพันธุ์นิ่ง ให้อาหารสูตรเฉพาะ ต่อยอดเองได้ เป็นหมูออร์แกนิก ยกระดับเป็นชุมชนคนรุ่นใหม่
|