พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องมาเยือนสักครา
พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวงครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องมาเยือนสักครา
หลายคนเลือกเที่ยวดอยตุงช่วงฤดูหนาว เพราะจะได้ชื่นชมบรรยากาศและสีสันของดอกไม้ท่ามอากาศที่หนาวเย็นนั่นเอง แต่อยากกระซิบบอกว่า ดอยดุงช่วงฤดูฝนความสวยงามของดอกไม้และความหนาวเย็นก็หาเป็นรองกันไม่ จริงเหรอ? ตามมา เราจะเล่าให้อ่าน “ดอย” ในภาษาคำเมืองหรือภาษาเหนือหมายถึงภูเขา “ตุง” ในภาษาคำเมืองหมายถึงธง ธงในทีนี่ไม่เหมือนธงชาตินะครับ เป็นริ้วธงที่มีลวดลายแบบฉบับศิลปะล้านนาของภาคเหนือนั่นเอง ส่วนความเป็นมาของชื่อดอยตุงจริงๆ นั้น ว่ากันว่าสืบทอดกันมานับแต่อดีต
เอาละดอยตุงเป็นภูเขาสูงอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เป็นที่ตั้งของ พระตำหนักดอยตุง ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และ สวนแม่ฟ้าหลวง สถานที่ที่กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังประจำจังหวัดเชียงรายนั่นเองครับ บอกกันก่อนว่า เราขึ้นเที่ยวดอยตุงกันเมื่อฤดูฝนปีที่ผ่านมา เราขับรถขึ้นดอยที่มีระดับความสูง 1300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลพร้อมกับสายฝนที่ตกพร่ำๆ ตลอดเส้นทาง ถนนขึ้นดอยคดเคี้ยวมีโค้งหักศอกที่บัดบังทัศนวิสัยอยู่ตลอดเวลาและพื้นถนนลื่น ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
พื้นที่ด้านหน้าทางเข้าพระตำหนักมีป้ายบอกว่าไว้ว่าเป็นที่ตั้งของ “กาดดอยตุง” มีแม่ค้ามาตั้งโต๊ะขายของอยู่น้อยมาก ของที่ขายเป็นผลไม้ ของป่าและของที่ระลึก ภาษาพูดของแม่ค้าเป็นภาษาเหนือปนสำเนียงชาวเขา บางคำก็ฟังไม่เข้าใจ ค่าตั๋วเข้าชมวันนั้นผู้ใหญ่ 180 บาทเด็กนักเรียนและผู้สูงอายุ 90 บาท เวลาตอนนั้นเที่ยงตรง แต่ด้วยมีฝนตกฟ้าปิดทำให้อากาศเย็นมากประมาณ 23-25 องศา เมื่อเราเดินเข้ามาแล้วสิ่งที่แรกมองเห็นอยู่เบื้องหน้าคือวงเวียนที่ตกแต่งด้วยสวนหย่อมและธงหรือตุงอันเป็นสัญลักษ์ของดอยตุงนั่นเอง
จุดที่เราเข้าชมจะมีอยู่สองส่วน ส่วนแรกคือพระตำหนักดอยตุง ส่วนที่สองคือสวนแม่ฟ้าหลวง เราอยากบอกข้อดีของการเที่ยววันธรรมดาแบบนี้คือ ทั้งพระตำหนักและสวนดอกไม้ดูแล้วเหมือนจะเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว ส่วนของพระตำหนักเราต้องเดินขึ้นเนินราวสองร้อยเมตร พื้นที่ด้านหน้าเป็นสนามหญ้าพร้อมลานจอดเฮลิคอปเตอร์และมีจุดให้ยืนมองวิวแบบสุดลูกหูลูกตาอีกด้วย พระตำหนักเป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ ภายในจะแบ่งเป็นห้องหับต่างๆ หลายห้อง เราจะได้รับอนุญาติให้ยืนชื่นชมอยู่เพียงด้านนอกเท่านั้น และบ้างห้องก็ปิดห้ามเยี่ยมชม
ปกติแล้วเมื่อนักเที่ยวเข้ามาจะมีพนักงานต้อนรับแจกหูฟังเพื่อฟังคำบรรยาย แต่วันนั้นด้วยความที่มีแค่ครอบครัวเราห้าคนหรืออย่างไรไม่ทราบได้ พนักงานจึงยืนห่างๆ และปล่อยเราเข้าชมพื้นที่อย่างเงียบๆ ความรู้สึกเวลาอยู่ภายในพระตำหนักค่อนข้างเศร้าสร้อยยังไงชอบกล ส่วนของสวนแม่ฟ้าหลวงนั้น เราก็เดินกันอยู่เพียงครอบครัวเดียว รอบๆ มีพนักงานดูแลสวนคอยทำงานกันอยู่เงียบๆ ขอบอกว่ามันสวยมาก สวยทุกจุด จนเราเดินกันไม่ไหว เพราะต้องเดินขึ้นๆ ลงๆ นั่งพักเหนื่อยกันสองสามรอบก็เดินชมกันไม่ครบทุกจุด เราไม่รู้ว่าที่นี่หน้าหนาวมันจะสวยมากกว่านี้อีกสักกี่เท่า เพราะเท่าที่เห็นนี่มันก็สวยมากจนหาคำบรรยายไม่ถูกแล้ว เบ็ดเสร็จเราใช้เวลาอยู่ที่พระตำหนักดอยดุงและสวนแม่ฟ้าหลวงเกือบสามชั่วโมง เพลิดเพลินกับมุมถ่ายภาพที่ไม่มีใครรบกวน หรือว่าต้องยืนต่อคิวกัน คราวหน้าถ้าจะมาที่นี่อีกครั้งก็คงเป็นหน้าหนาวบ้าง แต่วันเวลาก็ขอเลือกแบบไพรเวตแบบนี้ก็แล้วกันครับ |