มีผลวันนี้! กระทรวงดีอีเอส สั่งระงับเบอร์โทรออก 100 สายต่อวัน

มีผลวันนี้! กระทรวงดีอีเอส สั่งระงับเบอร์โทรออก 100 สายต่อวัน

รมว.ดีอี สั่งระงับเบอร์ต้องสงสัย หลังมีการร้องเรียนเดือนละ 80,000 กว่าสาย และสั่งบล็อกสายที่โทรผิดปกติมากกว่า 100 ครั้งต่อวัน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้มอบหมายให้เร่งแก้ปัญหาเรื่องหลอกลวงออนไลน์ และข้อมูลจากศูนย์ AOC ใน เดือน 1 เดือน (1-30 พ.ย. 66) ได้มีการรับแจ้งเข้ามาที่ศูนย์กว่า 80,000 สาย ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เยอะมาก

เราจึงต้องมีมาตรการที่เข้มข้นในการจัดการเรื่องนี้และได้ดำเนินการร่วมกับ กสทช. และโอเปอร์เรเตอร์เพื่อจัดการผู้ต้องสงสัยผู้เข้าข่ายหลอกลวง โดยพุ่งเป้าไปที่หมายเลขที่โทรออกมากผิดปกติต่อวัน เช่น 100 ครั้งต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่น่าสงสัย

โดยได้ตรวจเจอว่า ตั้งแต่วัน 9 ถึง 11 ธันวาคม ทั้งสิ้น 12,500 เบอร์ และจะทำการพักใช้ทุกเบอร์ทันที รวมทั้งจะมีการประชุมยกระดับมาตรการต่างๆ เพื่อให้เป็นการทำงานเชิงรุก

ตอนนี้มี 6 ล้านเลขหมายที่ขึ้นทะเบียนแบบไม่ถูกต้องเข้าข่ายผิดกฎหมาย และอยากเร่งรัดผู้ถือครองซิมมายืนยันตัวตนภายใน 30 วัน หากไม่มาดำเนินการจะระงับการโทรออก และให้รับสายได้อย่างเดียว

 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

 

สำหรับสาเหตุและการใช้งานซิมโทรศัพท์ ที่เป็นเหตุของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พบว่า ซิมม้าหรือซิมที่คนร้าย หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้หลอกลวงออนไลน์ พบว่าเป็นพฤติกรรมต้องสงสัยในการใช้งานเพื่อเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงสร้างปัญหากับประชาชนเป็นอย่างมาก

หากพบว่ามีการใช้ซิมโทรศัพท์หนึ่งเบอร์โทรออกมากกว่า 100 ครั้งต่อวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ และยังขาดการป้องกันที่ดีพอ หรือ พบการลงทะเบียนหรือชื่อผู้ใช้งานที่ถือครองซิมเป็นหลายร้อยเลขหมาย ที่ยังไม่ได้ยืนยันแสดงตัวตนให้ถูกต้อง อาจเป็นช่องทางของผู้ร้ายในการใช้ซิมม้าในการก่ออาชญากรรม

“ที่ผ่านมา ดีอีได้จัดประชุมร่วมกับ กสทช. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT)  รวมถึงภาคเอกชนผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงมาตรการแก้ไขปัญหาซิมม้า” รัฐมนตรี ดีอี กล่าว

 

นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการใช้บัตรประจำตัวชาวต่างด้าวมาลงทะเบียนซิมการ์ดเปิดใช้งานและขายให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นช่องทางให้โจรใช้ในการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการจับกุม ครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ อาทิ แม่สอด จังหวัดตาก พร้อมของกลางซิมพร้อมใช้งาน 4,379 หมายเลข และ ที่ชุมพร พบของกลางกว่า 10,000 หมายเลข

นอกจากนี้ กสทช. ได้เชิญผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ประกอบด้วยบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด, บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด(มหาชน) เข้าร่วมประชุมพร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หารือเพื่อดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้

  1. มอบหมายผู้รับใบอนุญาตตรวจสอบข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้บริการประเภทบุคคลธรรมดาแบบชำระค่าบริการล่วงหน้า (Prepaid) ที่มีการโทรออกตั้งแต่ 100 ครั้งขึ้นไปต่อวัน ในช่วงวันที่ 9 – 11 ธันวาคม 2566 และรายงานจำนวนผู้ใช้บริการที่มีการใช้งานในลักษณะดังกล่าวมายังสำนักงาน กสทช. ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2566 ทางอีเมล pulsiri.n@nbtc.go.th
  2. ให้ผู้รับใบอนุญาตศึกษาทางเทคนิคเพื่อหาวิธีเก็บข้อมูลการโทรออกโดยให้รวมถึงการโทรที่ไม่สำเร็จ (โทรออกแต่ไม่มีผู้รับสาย)
  3. ให้ผู้รับใบอนุญาตพิจารณาการจัดทำทะเบียน White list ผู้ใช้บริการทั้งประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่อาจมีการโทรออกตั้งแต่ 100 ครั้งขึ้นไปต่อวันแต่มิได้ใช้ในการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (เช่น ตัวแทนจำหน่ายประกัน หรือ Call Center ของหน่วยงานต่างๆ ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป)
  4. กรณี ศูนย์ AOC ตรวจสอบพบว่า หมายเลขโทรศัพท์ใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” (Tier 1) ให้ศูนย์ AOC แจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการยกเลิกการให้บริการได้โดยทันที และผู้รับใบอนุญาตจะต้องการขยายผลการตรวจสอบเลขหมายอื่นของผู้ใช้บริการรายดังกล่าว (Tier 2) รวมทั้งแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นทราบและตรวจสอบด้วย โดยผู้รับใบอนุญาตจะระงับการให้บริการเลขหมาย Tier 2 เพื่อให้ผู้ใช้บริการมารายงานตน
  5. กรณีเลขหมายที่อาจเข้าข่ายว่ากระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ศูนย์ AOC จะเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้รับใบอนุญาตส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมพิจารณาการกระทำความผิด ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ตรวจสอบเส้นทางทราฟฟิกกรณีมีการใช้หมายเลขปลอม

 

ที่มา : https://www.springnews.co.th/digital-tech/846025

 

 

Visitors: 1,405,483