เปรียบเทียบความเสี่ยงการแพร่เชื้อโควิด จากการใส่และไม่ใส่หน้ากากอนามัย ของผู้ติดเชื้อกับคนปกติ

หมอมนูญเทียบโอกาสเสี่ยงติดโควิดจากการ “ใส่-ไม่ใส่” หน้ากาก

หมอมนูญเปรียบเทียบความเสี่ยงการแพร่เชื้อโควิด จากการใส่และไม่ใส่หน้ากากอนามัย ของผู้ติดเชื้อกับคนปกติ 

วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC แสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่

โพสต์ดังกล่าวระบุว่า คนที่ติดโรคโควิดระลอกใหม่นี้ เท่าที่ผมสังเกตส่วนใหญ่ เป็นคนที่ระมัดระวังตัวป้องกันตัวเองเต็มที่ และเป็นคนที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิดที่มีประสิทธิภาพสูงครบโดส รวมทั้งได้เข็มกระตุ้น เช่น ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 3 เข็ม วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม

ตามด้วยวัคซีน mRNA 2 เข็ม หรือวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็มและโมเดอร์นาอีก 2 เข็ม แต่ก็ยังติดเชื้อ แสดงว่าเชื้อนี้แพร่กระจายเร็ว และหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนได้มากกว่าสายพันธุ์เดิมก่อนหน้านี้

แต่โชคดีคนกลุ่มที่ได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดี และได้รับเข็มกระตุ้น จะมีอาการน้อยมาก หายได้เอง และส่วนใหญ่ไม่มีอาการของลองโควิด

เราไม่สามารถพึ่งวัคซีนรุ่นปัจจุบันในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด จำเป็นต้องพึ่งมาตรการส่วนบุคคลโดยเฉพาะหน้ากากอนามัย

ถ้าคนติดเชื้อไม่ใส่หน้ากากอนามัย คนปกติใส่หน้ากาก จะลดการรับเชื้อได้ร้อยละ 30

ถ้าคนติดเชื้อใส่หน้ากากอนามัย คนปกติไม่ได้ใส่หน้ากาก จะลดการรับเชื้อได้ร้อยละ 95

 

ถ้าทั้งคนติดเชื้อ และคนปกติ ต่างใส่หน้ากากอนามัย จะลดการรับเชื้อได้ร้อยละ 98.5 (รูปด้านล่าง)

ขณะนี้เป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกคนควรใส่หน้ากากอนามัยเวลาอยู่ในที่สาธารณะผู้คนแออัด อากาศปิด ถ่ายเทไม่ดี ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

ในอนาคตอันใกล้เมื่อเรามีวัคซีนรุ่นใหม่ที่สามารถครอบคลุมไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5 เราอาจจะพึ่งวัคซีนรุ่นใหม่ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

 

ที่มา : หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC

Visitors: 1,380,210