รู้จัก Inbound Marketing การตลาดที่ใช้กฎแรงดึงดูด
รู้จัก Inbound Marketing การตลาดที่ใช้กฎแรงดึงดูด
Inbound Marketing คือกลยุทธ์การตลาดในการดึงดูดผู้คนเข้ามาหาเรา ผ่านการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและประโยชน์
.
ตรงข้ามกับ Outbound Marketing ที่เป็นเหมือนการผลักข้อมูลที่เราต้องการสื่อสารออกไป เช่น การยิงแอดบน Facebook, Instagram หรือแบนเนอร์โฆษณาต่างๆ
การตลาดแบบไหนที่ผู้บริโภครัก?
- การสื่อสารแบบ Outbound Marketing เช่น การยิงแอด เปรียบเหมือนการพูดในสิ่งที่แบรนด์อยากพูด
- แต่ Inbound Marketing จะเน้นพูดในสิ่งที่ลูกค้าอยากฟัง
- ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรามักจะกด skip โฆษณาเป็นประจำ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจ
- แต่เราจะถูกดึงดูดเข้าหาคอนเทนต์ที่เราสนใจแทน (โดยที่เจ้าของเพจไม่ได้ยิงแอดคอนเทนต์นั้นด้วยซ้ำ)
- นี่คือพลังของ Inbound Marketing ที่อาจไม่หวือหวาฉาบฉวย แต่มีความมั่นคงและยั่งยืนกว่า Outbound Marketing ในระยะยาว
==============================
แปลว่า Inbound Marketing เป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่า Outbound Marketing?
- ไม่ใช่เสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับรูปแบบและวัตถุประสงค์ของธุรกิจเรา
- เช่น ถ้าเราต้องการสร้างรายได้ในระยะสั้น อยากให้คนรู้จักแบรนด์เรามากๆ ในเวลารวดเร็ว Outbound Marketing ก็อาจเป็นคำตอบ
- Inbound Marketing เป็นกลยุทธ์ที่ยั่งยืนกว่าก็จริง แต่ก็ต้องอาศัยระยะเวลา ความอดทนเฝ้าคอย ก่อนที่จะเห็นผล
- เปรียบเหมือนกับการปลูกต้นไม้ ถ้าเราอยากปลูกอะไรที่ได้กินเร็วๆ ก็อาจจะปลูกถั่วงอก
- แต่ถ้าเราอยากให้ต้นไม้มีรากลึก แข็งแรง ใหญ่โต เราก็ต้องรดน้ำเติมปุ๋ยด้วยคอนเทนต์ที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ
- ทางที่ดีเราควรจะใช้ทั้ง Inbound และ Outbound ควบคู่กัน คือมีทั้งคอนเทนต์คุณภาพ และส่งสารนั้นออกไปให้ผู้คนเห็นมากขึ้นนั่นเอง
==============================
ตัวอย่างการทำ Inbound Marketing ที่น่าสนใจ
- Salesforce บริษัทซอฟท์แวร์ใช้กลยุทธ์ Content Marketing ที่เรียกว่ากฎ 90/10
- หมายถึง 90% ของคอนเทนต์จะต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับลูกค้า ส่วนเนื้อหาเกี่ยวกับสินค้าจะมีเพียง 10% เท่านั้น
- หลังจากใช้กลยุทธ์นี้ Salesforce พบว่า traffic บนเว็บไซต์พวกเขาเพิ่มขึ้นถึง 80% จากปีก่อนหน้า
- อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Starbucks บ่อยครั้งที่เราอยากไปนั่ง Starbucks ไม่ใช่เพราะอยากกินกาแฟเป็นหลัก แต่เป็นเพราะเราอยากได้รับประสบการณ์ที่แค่ร้าน Starbucks จะมีให้เท่านั้น
- และนอกจากการสร้างคอนเทนต์บน social media แล้ว Starbucks ยังออกมาแสดงจุดยืนในประเด็นสังคมเป็นประจำ
- เช่น ไม่นานมานี้ที่ออกมาโพสต์ต่อต้านการเหยียดผิวคนเอเชียในสหรัฐฯ ก็กลายเป็นโพสต์ที่ Starbucks ได้รับ Like และ Love สูงกว่าโพสทั่วไปมากกว่า 10 เท่า
- องค์ประกอบเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เรารักและอยากเข้าหา Starbucks โดยที่แบรนด์ไม่ต้องร้องขอมากมาย
==============================
เป้าหมายของการทำ Inbound Marketing
- การเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้มารู้จักแบรนด์เราเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
- เพราะปลายทางของ Inbound Marketing ก็คือการเปลี่ยนคนรู้จักเหล่านี้ให้เป็นลูกค้าเรานั่นเอง
- หลังจากที่ผู้คนเริ่มรู้จักแบรนด์เราแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราควรจะเพิ่มเข้ามาก็คือคอนเทนต์ประเภท How-to เช่น การบอกว่าสินค้าเราจะเข้าไปตอบโจทย์ชีวิตพวกเขาอย่างไร
- รวมถึงคอนเทนต์ประเภท User-Generated Content เช่น รีวิวจากลูกค้าคนอื่น ที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์เราได้อย่างมาก
- นอกจากนี้การสานสัมพันธ์กับลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำหรือช่วยบอกต่อก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
- แต่โดยรวมแล้วหัวใจสำคัญของ Inbound Marketing ก็คือทุกอย่างที่เราทำ จะต้องมีประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้านั่นเอง
==============================
สุดท้ายเราขอจบบทความนี้ด้วยคำพูดจากหนังสือ The Secret ของ Rhonda Byrne ที่พูดถึงกฎแห่งแรงดึงดูดว่า..
.
“There is no greater power in the universe than the power of love.”
.
ในจักรวาลนี้ไม่มีพลังอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าพลังแห่งความรัก
.
ถ้าเราเริ่มต้นด้วยคำว่ารัก (ลูกค้า) เชื่อว่า Inbound Marketing ของทุกคนจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน
|