อิสราเอลชนะ เตรียมประกาศอิสระภาพจากหน้ากากอนามัย

อิสราเอลชนะ เตรียมประกาศอิสรภาพจากหน้ากากอนามัย
หลังประชากรฉีดวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมทั้งประเทศ
 
 
 อิสราเอลจะเป็นชาติแรกของโลกที่พร้อมจะสละหน้ากากอนามัยออกจากใบหน้า และกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนช่วงก่อนที่ไวรัสโควิด-19 ระบาด นี่คือการประกาศชัยชนะและการมีอิสรภาพเหนือไวรัสครั้งแรก
 
 
 
นายยูลิ อีเดลสไตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล แถลงการณ์ถึงความสำเร็จครั้งนี้ที่ประชาชนจะไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะอีกต่อไปว่า
 
 
 
“หน้ากากที่มีไว้เพื่อปกป้องเราจากไวรัสโคโรน่า หลังจากผู้เชี่ยวชาญตัดสินใจว่า สิ่งนี้จะไม่จำเป็นต้องใช้ในพื้นที่เปิดโล่งอีกต่อไป ผมจึงตัดสินให้เลิกสวมหน้ากากได้แล้ว”
 
 
ตลอดระยะเวลาการแพร่ระบาด อิสราเอลเป็นชาติแรกๆ ของโลกที่ได้รับวัคซีนก่อนใคร และเริ่มการฉีดวัคซีนต่อจำนวนประชากรในสัดส่วนมากที่สุด เร็วที่สุด ครอบคลุมที่สุดในโลก ผลที่ตามมาคือจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
 
 
กระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลระบุว่า ชาวอิสราเอลจำนวน 4,961,238 คน ได้รับวัคซีนครบแล้ว 2 ครั้ง ขณะที่ประชากรอีก 5,338,967 คน ได้วัคซีนเข็มแรกแล้ว จากจำนวนประชากรราว 9.3 ล้านคน
 
 
การตัดสินใจปลดหน้ากากอนามัยออกขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเคยกล่าวมาหลายสัปดาห์แล้วว่า คำสั่งการสวมหน้ากากเมื่ออยู่ภายนอกบ้านน่าจะสิ้นสุดในไม่ช้า และให้เครดิตการรณรงค์ฉีดวัคซีนของรัฐบาลอิสราเอลที่ประสบความสำเร็จ และเรียกร้องให้มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
 
 
หลังจากประสบกับการระบาดครั้งที่ 3 อย่างรุนแรง สถานการณ์ของอิสราเอลก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีการกระจายการฉีดวัคซีนต่อประชากรที่เร็วที่สุดในโลก กว่าครึ่งหนึ่งของประชากรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสอย่างเต็มที่ และผลการวิจัยพบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่รายวันและผู้ป่วยร้ายแรงลดลงสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมานานหลายเดือน
 
ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านโรคระบาดวิทยากล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า อิสราเอลอาจจะก้าวถึงระดับที่ประชากรมี "ภูมิคุ้มกันของหมู่" และสามารถผ่อนคลายข้อจำกัดบางอย่างเพิ่มเติมได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ Eran Segal นักชีววิทยาด้านการคำนวณของ Weizmann Institute of Science กล่าวว่า ชาวอิสราเอลส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วแม้กระทั่งการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจและการรวมตัวกันอีกครั้งในช่วงวันหยุดฉลองวันชาติ ก็ไม่ได้มีอัตราการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นแล้ว
 
 
พร้อมกับประกาศว่าในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ จะเปิดให้ชาวตางชาติที่ได้รับวัคซีนคนโดสแล้วสามารถเดินทางเข้าอิสราเอลได้โดยไม่ต้องกักตัวอีกต่อไปหลังจากปิดประเทศมานานกว่า 1 ปี
 
 
ผลการพิสูจน์ว่าไวรัสไม่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นก็คือ การที่โรงเรียนในอิสราเอลกลับมาเปิดการเรียนการสอนได้ บาร์ ร้านอาหาร และสถานที่สันทนาการในร่ม กิจกรรมอีเวนท์ต่างๆ ก็กลับมาเปิดได้เต็มที่ และมีอัตราการติดเชื้อใหม่ที่ต่ำถึงต่ำมาก
 
 
แม้จะสามารถถอดหน้ากากออกได้เมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง แต่หากต้องเข้าไปในสถานที่ปิดเช่น ห้างสรรพสินค้า หรือการขึ้นรถโดยสาร ยังคงต้อสวมหน้ากากอนามัย
 
 
ก่อนหน้านี้อิสรเอลเคยมีผู้ติดเชื้อสูงสุดต่อวันถึง 10,000 รายเมื่อปีที่แล้ว แต่ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เหลือเพียงแค่ 91 คนเท่านั้น รวมตั้งเลขผู้ติดเชื้อสะสมที่ 836,706 ราย เสียชีวิต 6,314 คน
 
 
นอกจากนี้มีการเก็บตัวอย่างกลุ่มเสี่ยงที่คาดว่าจะติดเชื้อถึง 55,470 ครั้ง แต่ผลบวกกลับมีเพียงแค่ 0.4% เท่านั้น
 
 
แต่แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจะได้รับวัคซีนอย่างเต็มที่และทั่วถึง แต่ในฉนวนกาซ่านั้นสถานการกลับตรงกันข้าม เพราะพื้นที่นี้ยังมีการระบาดอย่างรุนแรง และต้องการวัคซีนอย่างเร่งด่วน
 
 
มีความพยายามเรียกร้องให้อิสราเอลจัดหาวัคซีนเพื่อบริจาคให้กับปาเลสไตน์ราว 4 ล้านโดส แต่ทางอิสราเอลตอกกลับว่า ปาเลสไตน์ต้องหาวัคซีนเอาเอง
 
 
ที่มา : Reporter Journey ติดตามได้ที่ Facebook : facebook.com/reporterjourney
 
Visitors: 1,403,470