ไขข้อสงสัย “โอ้กะจู๋” มีดีอะไร ? ทำไม OR ต้องเข้าซื้อ

ไขข้อสงสัย “โอ้กะจู๋” มีดีอะไร ? ทำไม OR ต้องเข้าซื้อ
 
 
 
เมื่อได้ยินชื่อ “โอ้กะจู๋” แล้ว เชื่อได้เลยว่าน่าจะเป็นชื่อที่ใครๆต่างก็ให้ความสนใจและรู้สึกแปลกหูกันอยู่ไม่น้อย รวมไปถึงน่าจะเกิดความสงสัยว่าชื่อนี้คือชื่อของอะไร ?
 
 
ซึ่งชื่อนี้ก็คือชื่อของ “ร้านอาหาร” สายคนกินผักรักสุขภาพที่กำลังมาแรงสุดๆในไทย เรียกได้ว่าช่วงเปิดตัวใหม่ๆร้านนี้นั้นมีคนมาต่อแถวรอซื้อกันเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงเลยทีเดียว
 
 
แต่ประเด็นที่ทำให้เกิดข่าวและทำให้ร้านโอ้กะจู๋ถูกขับตามองก็คือ “การเข้ามาซื้อหุ้น” ของบริษัทที่เพิ่งจะจดทะเบียนและเข้าตลาดไปสดๆร้อนๆอย่าง OR หุ้นยักษ์ใหญ่ในเครือ PTT ที่กำลังมองหาโอกาสเสริมแกร่งให้กับธุรกิจค้าปลีกของพวกเขา
 
  
ซึ่ง OR หรือบมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก ก็คือบริษัทค้าปลีกน้ำมันและค้าปลีกที่เป็นเจ้าของปั้มน้ำมันปตท. และร้านกาแฟชั้นแบรนด์ไทยอันดับ 1 อย่างร้านกาแฟ Café Amazon นั่นเอง
 
 
ส่วนร้าน โอ้กะจู๋ ก็คือร้านอาหารที่มีจุดขายในเรื่องของการดูแลสุขภาพร่างกายของบจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ โดยชื่อโอ้กะจู๋ก็คือการผวนคำมาจากคำว่า “อู๋ กับ โจ้” ที่เป็นชื่อของสมาชิก 2 ใน 3 ของผู้ก่อตั้งจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ หรือเจ้าของร้านอาหารโอ้กะจู๋
 
 
โดยจุดกำเนิดที่แท้จริงของร้านอาหารโอ้กะจู๋ก็คือจังหวัดเชียงใหม่ในปีพ.ศ. 2556 จากการเริ่มทำธุรกิจพืชผักสวนครัวในปีพ.ศ. 2553 หลังจากนั้นร้านอาหารโอ้กะจู๋จึงได้รับฟีดแบคที่ดีมากบวกกับการขยายสาขาเข้ามาในกรุงเทพ
 
ในที่สุดโอ้กะจู๋กลายมาเป็นร้านอาหารยอดนิยมสำหรับผู้คนที่รักสุขภาพที่มีสาขาอยู่ทั้งหมด 14 แห่งใน 2 จังหวัดคือเชียงใหม่และกรุงเทพมหานคร
 
จังหวัดเชียงใหม่ (2 สาขา)
สาขาสันทราย และสาขา Nim City Daily
 
จังหวัดกรุงเทพมหานคร (12 สาขา)
สาขาสยามสแควร์ ซอย 7, สาขาสยามสแควร์วัน, สาขาเดอะ เซอเคิล ราชพฤกษ์, สาขาโครงการดาดฟ้า ลาซาล, สาขาสยามสแควร์ ซอย 2, สาขาเดอะ พาซิโอ พาร์ค, สาขา SB Design Square พระราม 2, สาขาบีทีเอส เสนานิคม, สาขาลาดพร้าว 97, สาขาเพชรบุรี-เอกมัย, สาขามาร์เก็ต วิลเลจ รังสิต และสาขาเดอะ คริสตัล เอกมัน-รามอินทรา
 
 
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าก็คือ “กำไรสุทธิ” ของบจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดดังนี้
 
 
งบการเงินของบมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่
 
 
ปี 2558 กำไรสุทธิ = 2.1 แสนบาท
ปี 2559 กำไรสุทธิ = 1.2 ล้านบาท (490%)
ปี 2560 กำไรสุทธิ = 1.8 ล้านบาท (47%)
ปี 2561 กำไรสุทธิ = 11.8 ล้านบาท (545%)
ปี 2562 กำไรสุทธิ = 79.8 ล้านบาท (577%)
 
 
ซึ่งจุดประสงค์ในการเข้าซื้อหุ้นบจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ ในสัดส่วน 20% เป็นเงินไม่เกิน 500 ล้านบาทรอบนี้ของ OR ก็ได้ถูกหลายๆฝ่ายและเหล่านักวิเคราะห์ให้มุมมองกันไว้ว่าน่าจะเป็นการ “เสริมแกร่ง” และมองหาการส่งเสริมStartup เจ้าใหม่ๆเพื่อความหลากหลายของธุรกิจมากกว่า
 
 
เนื่องจากว่าบจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ ที่เป็นเจ้าของร้านอาหารโอ้กะจู๋นั้นมี Market cap อยู่เพียงราวๆ 2,500 ล้านบาทในขณะที่ OR มีขนาดอยู่มหาศาลกว่า 342,495 ล้านบาท ทำให้ฝ่ายที่น่าจะได้รับประโยชน์จากดีลนี้และเป็นผู้ที่มีโอกาสเติบโตมากกว่า
 
 
เพราะแผนต่อไปของ OR หลังการเข้าซื้อหุ้นของบจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ ก็คือการขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋เพิ่มเติมในสถานีบริการน้ำมันปตท. รวมถึงการจำหน่ายอาหารแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Café Amazon ในเขตกรุงเทพ, ปริมณฑล และภาคเหนือ
 
 
โดยสิ่งที่ OR เล็งเห็นในดีลนี้ก็คือการเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตธุรกิจค้าปลีกซึ่งกินสัดส่วนใน EBITDA ของทางบริษัทอยู่กว่า 25% จากสัดส่วนรายได้แค่เพียง 3.66% ซึ่งจะถือว่าเป็นธุรกิจลูกรักและท่าไม้ตายของ OR เลยก็ว่าได้
 
 
และสิ่งที่นักลงทุนอย่างเราๆจะต้องไปจับตามองกันต่อก็คืออนาคตของทั้ง OR และบจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ ที่เป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังอย่างโอ้กะจู๋ว่า หลังจากที่ทั้งสองได้ร่วมมือกันแล้วจะทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆหรือการเติบโตในรูปแบบที่น่าสนใจแค่ไหน ?
 
 
เพราะถ้าหากว่าเราไม่ได้มอง OR ในฐานะบริษัทผู้ค้าปลีกน้ำมันแล้วนั้น OR ก็คงจะเปรียบเสมือน “ผู้ให้เช่าพื้นที่” รายใหญ่ ที่มีที่ให้เช่าอยู่ทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน
 
 
ทำให้สุดท้ายแล้ว OR ก็กำลังเดินเข้าแผนการที่จะลดการพึ่งพารายได้จากธุรกิจค้าปลีกน้ำมันลงไปเรื่อยๆตามที่ตั้งใจไว้ไปแล้วก้าวหนึ่ง
 
ส่วนประเด็นที่ว่า OR จะสามารถทำได้ดีแค่ไหนกับการนำสถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่กว่า 1,900 แห่ง ???
 
 
เรื่องนี้ก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อไป 
 
 
ขอบคุณที่มา : หุ้นพอร์ทระเบิด https://www.blockdit.com/pr_berd

Visitors: 1,405,382