ฝันร้ายก่อนคืนตรุษจีน ปีศาจเหนียนออกอาละวาด ที่มาของการจุดประทัด แสงไฟ และสีแดง
ฝันร้ายก่อนคืนตรุษจีน "ปีศาจเหนียนออกอาละวาด"ที่มาของการจุดประทัด แสงไฟ และสีแดง
ต้าเจียห่าว เดือนกุมภาพันธ์จ้าทุกคน ในเดือนนี้ชาวไทยเชื้อสายจีนหลาย ๆ คนคงดีใจไม่น้อยที่จะได้ลาภจากผู้ใหญ่ในวันตรุษจีนกันถ้วนหน้า ไหน ๆ ก็จะได้เงินได้ทองกันไปแล้ว วันนี้จึงเอาเกร็ดเรื่องเล่าเก่าของชาวจีนมาเล่าให้ฟังกัน จะได้มั่งมีศรีสุขกันทั้งเงินทองและความรู้ แบบ เฮง เฮง เฮง รับปีใหม่เลยจ้า
'ปีศาจเหนียน' ชื่อนี้ตามภาษาจีนมาจากคำว่า 年兽 (nían) ซึ่งมีความหมายว่า 'ปี' นั่นเพราะปีศาจตนนี้จะออกมาอาละวาดยามค่ำคืนก่อนเช้าวันปีใหม่ของตรุษจีนนั่นเอง เป็นเพราะคำสาปของเง็กเซียนฮ่องเต้ ที่สาปมันไว้ให้กลายเป็นหิน คำสาปจะอ่อนแอลงทุกสิ้นปี มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเช้าเท่านั้นที่จะทำให้มันกลับไปเป็นรูปปั้นหินดังเดิม (บางตำนานก็เล่าว่าปีศาจตนนี้อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกและจะขึ้นมาอาละวาดจับผู้คนกินทุกสิ้นปี) ปีศาจตนนี้มีความดุร้ายและร้ายกาจเป็นอย่างมาก ตามตำนานกล่าวว่าลักษณะของมันมีลำตัวที่ใหญ่กว่าสิงโตถึงสองเท่า เขี้ยวของมันทั้งยาวและคมดุจดั่งกระบี่ และหัวของมันมีขนที่รุงรัง ความดุร้ายของมันทำให้ชาวบ้านต่างต้องพากันลี้ภัยออกจากหมู่บ้านในคืนก่อนสิ้นปี เพื่อหลีกหนีจากปีศาจตนนี้ที่จะเข้ามาอาวะลาดจับผู้คนในหมู่บ้านกิน
ในค่ำคืนก่อนตรุษจีน ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งนามว่า 'หมู่บ้านเถาชุน' ชาวบ้านต่างพากันอพยพไปยังที่ลี้ภัยบนภูเขาเพื่อหนีจากปีศาจเหนียนกันอย่างอลม่าน ผู้คนต่างวุ่นวายกับการดูแลบุตรหลาน ผู้ที่ไม่ได้อพยพก็พากันปิดบ้านล็อคประตูบ้านอย่างแน่นหนาและต้อนสัตว์เลี้ยงของตนไปยังที่ปลอดภัย ยังมีชายแก่ขอทานเร่ร่อนคนหนึ่ง ชายแก่ขอทานเร่ร่อนผู้นี้ไว้ผมและเคราสีขาวยาวพลิ้วปลิวสไวไปตามสายลม ใบหน้ามีสีขาวและมีเลือดฝาด ช่างดูผิดจากขอทานอย่างลิบลับการกระทำของชายขอทานสวนทางกันคนอื่น ๆ นั่นเพราะเขาไม่ใช่คนในหมู่บ้านแห่งนี้
ชาวบ้านต่างก็ไม่มีใครสนใจชายขอทานเพราะทุกคนกำลังวิ่งวุ่นกันกับเรื่องของตนเอง มีเพียงยายแก่คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ที่เข้ามาตักเตือนด้วยความเป็นห่วงว่าเขาจะถูกปีศาจจับกิน จึงแนะนำให้รีบไปหาที่ลี้ภัยเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่ชายแก่ขอทานคนนั้นกลับปฏิเสธ และกล่าวว่า "หากแม้นว่าท่านให้ข้าพักที่นี่หนึ่งคืน ข้าจะขับไล่ปีศาจเหนียนให้ท่านเอง" ยายแก่ก็ยังคงแนะนำให้เขาหนีไปเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่ชายแก่ผู้นั้นก็ยังยืนยันคำเดิม จนในที่สุดยายแก่จึงต้องจำใจยอมและอพยพขึ้นไปบนภูเขา ทิ้งให้เขาได้พักอยู่ที่บ้านของเธอตามที่เขาปรารถนา
เมื่อเวลาค่ำคืนมาถึง ปีศาจเหนียนที่ได้ปลดผนึกจากคำสาป เริ่มออกอาละวาด เมื่อมันมาถึงเมื่อหมู่บ้านก็ไม่พบผู้คน มีเพียงบ้านหลังหนึ่งทางทิศตะวันออกที่มีไฟสว่างอยู่ มันจึงมุ่งตรงไปยังบ้านหลังนั้น แต่แล้วมันก็ต้องตกใจและกรีดร้องออกมาเมื่อเจอโคมไฟสีแดง และกระดาษสีแดงแปะอยู่หน้าบ้าน อีกทั้งในบ้านยังมีแสงไฟสว่างจ้ามากกว่าปกติ ปีศาจเหนียนเรื่มกลัวขึ้นมา แต่มันก็มิได้ล้มเลิกความพยายามและไม่รีรอที่จะวิ่งตรงเข้าไปในตัวบ้าน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียง " ปัง! ปัง! ปัง! (ปะระรังปังปี้ ล้อเล่น แฮร่)" ดังลั่นออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน มันคือเสียงของประทัดนั่นเอง เสียงดังกล่าวทำให้ปีศาจเหนียนตกใจกลัวสุดขีด จึงทำให้มันถอยหลังหนีและวิ่งกลับไปจนเตลิดเปิดโปง ทิ้งท้ายไว้โดยมีชายแก่ขอทานเปิดประตูออกมาและยิ้มเยาะหัวเราะอย่างสะใจ
เมื่อเวลารุ่งสางของตรุษจีนมาถึง ชาวบ้านที่อพยพต่างพากันเดินทางกลับเข้ามาในหมู่บ้าน ยายแก่เจ้าของบ้านกลับไปดูที่บ้านของตนกลับไม่พบร่องรอยนองเลือดแต่อย่างใด และผู้คนในละแวกที่ไม่ได้อพยพไปยังภูเขาก็ยังอยู่กันอย่างสงบสุข ชาวบ้านที่กลับมาก็ตกตะลึงว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ยายแก่ที่กลับเข้าไปในบ้านของตนก็ได้พบคำตอบว่ามีร่องรอยของการจุดประทัด ซากเทียนจำนวนมากที่ยังส่องสว่างอยู่ในบ้าน ทั้งประตูทางเข้ายังมีโคมไฟสีแดงและกระดาษสีแดงแปะอยู่ แท้จริงแล้วชายแก่ขอทานเร่ร่อนผู้นั้นก็คือ เง็กเซียนฮ่องเต้จำแลงกายลงมาเพื่อบอกวิธีการปราบปีศาจเหนียนนั่นเอง
พวกชาวบ้านต่างดีใจกันยกใหญ่ พากันจัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ทุกคนต่างเปลี่ยนเสื้อผ้าและพากันไปเยี่ยมเยียนญาติ ๆ ของตน ทำให้ตรุษจีนในปีนี้ เป็นตรุษจีนที่มีความสุขอย่างไม่เคยมีมาก่อน ข่าววิธีการไล่ปีศาจก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนรู้วิธีการไล่ปีศาจเหนียนนับแต่นั้นมา...
เมื่อตรุษจีนมาถึง ก่อนคืนสิ้นปีทุกบ้านก็จะเอาของสีแดงมาไว้หน้าบ้าน ไม่ว่าจะกระดาษเป็นคำโคลงสีแดง หรือโคมไฟสีแดง จะมีการจุดไฟให้สว่างไปทั่วทั้งหมู่บ้าน และจุดประทัดรอคอยวันฟ้าวันใหม่ที่กำลังจะมาถึง เมื่อเช้าสางก็ต่างพากันออกไปเยี่ยมเยียนญาติ ๆ ประเพณีนี้ก็ได้แพร่หลายออกไปทั่วจักรวรรดิ ก่อเกิดเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของชาวจีน ทำให้กลายเป็นประเพณีตรุษจีนที่ยังคงเอกลักษณ์และสืบทอดมาให้เห็นในปัจจุบัน
เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับที่มาของการจุดประทัด การใช้สีแดง และการจุดเทียนในคืนวันก่อนตรุษจีน หวังว่าทุกคนคงจะได้ความรู้และชื่นชอบบทความนี้กันถ้วนหน้านะครับ สุดท้ายนี้ผมต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรต้องรอชมครับ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้จ้าาา
อ้างอิง
Moon. (2563). ตำนานปีศาจ "เหนียน"ต้นกำเนิดการจุดประทัดในวันตรุษจีน. แหล่งที่มา : https://www.museumthailand.com/th/502/webboard/topic/ตำนานปีศาจ-“เหนียน”-ต้นกำเนิดการจุดประทัดในวันตรุษจีน/. 6 กุมภาพันธ์ 2564. Pimtent99. (2563). เปิดตำนานวันตรุษจีน "ปีศาจเหนียน" ต้นกำเนิดความเชื่อการจุดประทัด. แหล่งที่มา : https://www.shopat24.com/blog/trending/opening-the-chinese-new-year-legend-nian-devil-the-origins-of-the-firecrackers/. 6 มกราคม 2564. ที่มา : Historian boii |