WHO ยกประเทศไทยเป็นตัวอย่างรับมือโควิด-19
WHO ยกประเทศไทยเป็นตัวอย่างรับมือโควิด-19:
อีกหนึ่งความสำเร็จของไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
TWITTER.COM - World Health Organization (WHO) on Twitter
““I urge all countries to follow #Thailand’s lead. No country can say it was well-enough prepared for #COVID19, or that it has no lessons to learn”-@DrTedros #WHA73 https://t.co/exfqZyDf0D”
นายแพทย์ทีโดรส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า
ผมขอแสดงความชื่นชมแก่นายกประยุทธ์ จันทรโอชา ที่ให้การสนับสนุนการทำงานของ WHO ประเทศไทย เป็นประเทศตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม ที่ทั้งภาครัฐและภาคประชาชน ร่วมมือกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรค จนควบคุมได้แม้ยังไม่มีวัคซีน
สถิติผู้ติดเชื้อของประเทศไทย ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว แม้ว่าไทยจะเป็นประเทศแรกที่มีผู้ติดเชื้อ นอกประเทศจีน แต่มีเคสผู้ติดเชื้อเพียงสี่พันคน และผู้เสียชีวิตหกสิบคนเท่านั้น แม้ไทยจะมีประชากรถึง 70 ล้านคน และมีเมืองที่มีผู้คนหนาแน่นอันดับต้นๆของโลก สิ่งที่ประเทศไทยทำสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ก แต่เกิดจากการวางรากฐานของระบบสาธารณสุขตั้งแต่เมื่อสี่สิบปีก่อน
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มี อสม กว่าหนึ่งล้านคน ที่ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา ให้กับระบบสาธารณสุข และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการควบคุมการระบาดของ covid-10 และประเทศไทยอาศัยบทเรียนจากการรับมือ SARS เมื่อปี 2003 และเรียนรู้เพื่อรับมือกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยการทำงานร่วมกับจนท ของ WHO เพื่อศึกษาว่า เราจะทำยังไง เพื่อทำให้การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายแพทย์ทีโดรส กล่าวว่า ผมขอให้ทุกประเทศทั่วโลก ทำตามสิ่งที่ประเทศไทยทำ ไม่มีประเทศไหนที่พร้อมรับมือกับโรคนี้ตั้งแต่ต้น หรือไม่มีประเด็นใดที่จะเรียนรู้จากการรับมือกับมัน ไม่ต้องสงสัยว่า วัคซีน จะเป็นเครื่องมือสำคัญของเราในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของ covid-19 ซึ่งเรามั่นใจในประเด็นนี้จากผลการวิจัยที่เผยแพร่มาในสัปดาห์นี้
ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์ที่วัคซีนถูกพัฒนาขึ้นด้วยความเร็วขนาดนี้มาก่อน แต่หนทางยังอีกยาวไกล เราไม่อาจหวังพึ่งแต่วัคซีนเพียงอย่างเดียว โดยมองข้ามเครื่องมือต่างๆที่จะใช้ควบคุม covid-19 ได้ และประเทศไทยได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า แม้ไม่มีวัคซีน แต่ก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ covid-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังมีเกี่ยวกับไทยอีกนิดหน่อย
แต่รวมๆคือ ไม่เคยเห็น WHO ให้การชื่นชมประเทศไทยในระดับนี้มาก่อน ขนาดบอกว่า ขอให้ประเทศอื่นๆทั่วโลกทำตามอย่างบ้านเรา พ่อแม่พี่น้องทั้ง อสม และภาคประชาชนที่ช่วยกันร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ ช่วยกันรณณงค์เรื่องใส่หน้ากาก ช่วยจัดหาหน้ากากให้หมอและพยาบาลที่ขาดหน้ากากในช่วงวิกฤติจนผ่าน covid-19 มาได้
ที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จนั้น เกิดจากการวางรากฐานของระบบสาธารณสุขตั้งแต่เมื่อสี่สิบปีก่อน ประเทศไทยเป็นประเทศที่มี ‘อสม’ กว่าหนึ่งล้านคน ที่ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา ให้กับระบบสาธารณสุข และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมการระบาดของ โควิด-19
นอกจากนี้ประเทศไทยอาศัยบทเรียนจากการรับมือ SARS เมื่อปี 2003 เรียนรู้เพื่อรับมือกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อศึกษาว่า เราจะทำอย่างไร เพื่อทำให้การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคมีประสิทธิภาพ
|