ชุดตรวจหาโควิดแบบรวดเร็ว(Rapid Test) สร้างความงุนงงวุ่นวายให้กับอีลอน มัสก์เป็นอย่างมาก
ชุดตรวจหาโควิดแบบรวดเร็ว(Rapid Test) สร้างความงุนงงวุ่นวายให้กับอีลอน มัสก์เป็นอย่างมาก
อีลอนมัสก์(Elon Musk)ผู้บริหารของเทสล่าวัย49 ปี ได้แจ้งทางทวิตเตอร์เมื่อวันศุกร์ 13 พฤศจิกายน 2563 ว่า เขามีอาการคล้ายจะเป็น
โควิด-19 จึงได้ลองตรวจน้ำลายตนเอง ด้วยชุดทดสอบรวดเร็ว(Rapid Test) ผลออกมาสร้างความหงุดหงิดและงุนงงให้เขาอย่างมากว่า เป็นหรือไม่เป็นกันแน่
โดยเขาได้ทำการทดสอบตัวเองถึง 4 ครั้ง(คงอยากให้แน่ใจจริงๆ) ผลออกมาเป็นบวก 2 ครั้ง และเป็นลบ 2 ครั้ง (ก็น่าจะงงอยู่ครับ)
ชุดทดสอบดังกล่าว เป็นของบริษัท BD(Becton Dickinson) ซึ่งได้กันรับการรับรองจาก อย.สหรัฐ (USFDA) ให้ใช้ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Emergency used authorization)
การตรวจดังกล่าว เป็นการตรวจด้วยน้ำลาย แล้วจะทราบผลรวดเร็วภายใน 15 นาที ทำเองได้ที่บ้าน แต่มีความไม่แม่นยำพอสมควร
โดยหลักวิชาการแล้ว การตรวจแบบรวดเร็วดังกล่าว แม้ผลออกมาเป็นบวก ก็อาจจะไม่ได้เป็นโควิด คือเป็นจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสอื่นก็ได้
และในทำนองเดียวกัน แม้ผลออกมาเป็นลบ ก็อาจจะเป็นโควิดก็ได้ วิธีดีที่สุด ณ ขณะนี้ ที่ทางการแพทย์จะยืนยันว่าเป็นโควิดหรือไม่คือวิธีใช้พีซีอาร์ (PCR) และตรวจจากสารคัดหลั่งจากบริเวณจมูก(Nasal swab)หรือลำคอ(Throat swab) ไม่ใช่ตรวจจากน้ำลาย
ซึ่งวิธีดังกล่าวนี้ (ซึ่งประเทศไทยก็ใช้วิธีนี้ และไม่แนะนำให้ประชาชนตรวจด้วยวิธีตรวจสอบแบบรวดเร็ว) ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน กว่าจะทราบผล และมีราคาค่าใช้จ่ายแพง
จึงทำให้มีข้อจำกัดในการตรวจทั่วไป และประชาชนไม่สามารถทำเองที่บ้านได้
ทำให้หลายหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐอเมริกายินยอมให้มีการใช้ชุดตรวจรวดเร็วดังกล่าว ซึ่งมีความแม่นยำน้อยกว่า เอามาใช้ที่บ้านได้ แต่ก็ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ดีว่า ผลการตรวจดังกล่าวเป็นผลเบื้องต้น ยังเชื่อถือไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องมาตรวจหาด้วยวิธี PCR อยู่ดี
Elon Musk เคยบอกเมื่อเดือนมีนาคมว่า ไม่เชื่อว่าโควิดเป็นเรื่องร้ายแรง ถือว่าเป็นหวัดชนิดหนึ่งเท่านั้น และยังเชื่อต่อไปว่าในอีกหนึ่งเดือนถัดมาคือเมษายน 2563 โควิดก็จะหมดไปจากสหรัฐอเมริกา
จึงไม่ควรจะตื่นตูมตกใจ และเขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับมาตรการล็อกดาวน์ หรือการปิดโรงงาน ซึ่งกระทบกับบริษัทของเขาด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านมาหลายเดือนจนถึงขณะนี้
Elon Musk ก็เห็นตัวเลขการเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมายในสหรัฐอเมริกาและของโลก นอกจากนั้นตัวเค้าเองยังเกิดมีอาการ แล้วก็ต้องมาตรวจด้วยชุดทดสอบดังกล่าวด้วย
โดยตอนแรกแจ้งว่าอาการมีเพียงเล็กน้อยในวันศุกร์ 13 พย 2563 แต่พอวันเสาร์ 14 พย 2563 ก็แจ้งว่ามีอาการปานกลาง มีทั้งไข้ ไอ คัดจมูก แล้วก็ปวดเมื่อย
วันนี้ (15พย2563) สหรัฐมีการติดเชื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึงวันละ 190,000 คน และทางประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ยืนยันว่า จะไม่ทำการล็อกดาวน์เพราะกลัวจะกระทบทางด้านเศรษฐกิจ
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ก็จะทำให้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละเกือบ 200,000 คนไปจนกว่าจะถึงวันที่ 20 มกราคม 2564
ซึ่งประธานาธิบดีไปเดนจะมารับตำแหน่งต่อ กว่าจะถึงวันนั้น ไม่รู้จะเรียกว่า “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้” หรือไม่
เพราะถ้าอัตราการติดเชื้อยังเป็นแบบนี้ ในวันที่ประธานาธิบดีไปเดนรับตำแหน่ง จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัวจาก 11,000,000 คนเป็น 22,000,000 คน และผู้เสียชีวิตก็คงจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างมาก(ในขณะนี้ติดเชื้อเสียชีวิตไปแล้วกว่า 250,000 คน)
น่าเห็นใจประชาชนชาวสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างยิ่งที่นโยบายการควบคุมโควิด-19 ดูจะมีความเสี่ยงต่อชีวิตประชาชนเป็นจำนวนมาก
ตลอดจนการประกาศใช้เทคโนโลยีต่างๆทั้ง เรื่องชุดทดสอบรวดเร็ว ยาบางชนิด และวัคซีนบางขั้นตอน ก็ดูจะย่อหย่อนมาตรฐานทางวิชาการไปมากทีเดียว
ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้ สหรัฐได้หย่อนเกณฑ์ทางวิชาการลงไปมากมาย แตกต่างจากมาตรฐานสูงไปอดีตครับ
Reference
ที่มา : ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย
|