เปิดประวัติ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา

เปิดประวัติ"โจ ไบเดน"ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา
 
 
ทั่วโลกต่างเฝ้าจับตามาตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. สำหรับ ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่จะตัดสินว่าใครคือผู้นำสหรัฐคนต่อไประหว่าง คนเดิมอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ หรือ คนใหม่และอดีตรองปธน.อย่าง โจ ไบเดน
 
ซึ่งผลการนับคะแนนคณะผู้เลือกตั้งสหรัฐ (Electoral Vote) ปรากฎว่า "โจ ไบเดน"(Joe Biden) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ได้รับคะแนนเสียง Electoral Vote เกินกว่ากึ่งหนึ่งหรือ 284 คะแนน จากทั้งหมด 538 คะแนน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ สำนักข่าว AP รายงานผลการเลือกตั้งสหรัฐ ปรากฎว่า โจ ไบเดน มี คะแนน Electoral Vote นำอยู่ที่ 284 คะแนน ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนอยู่ที่ 214 คะแนน ผลการเลือกตั้งโจ ไบเดน ชนะในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมี 20 คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง ได้ 3,345,906 คะแนน ส่วนโดนัลด์ ทรัปม์ ได้ 3,311,448 คะแนน
 
สำหรับประวัติของ โจ ไบเดน หรือ โจ ไบเดิน (Joe Biden) เขามีชื่อเต็มว่า โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดิน จูเนียร์ (อังกฤษ: Joseph Robinette Biden, Jr.) หรือเรียกอย่างง่ายว่า โจ ไบเดิน เป็นนักการเมืองชาวอเมริกัน ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ระหว่าง พ.ศ. 2552 ถึง 2560 เป็นสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐเดลาแวร์เจ็ดสมัยติดต่อกัน ระหว่าง พ.ศ. 2515 ถึง 2552 สังกัดพรรคเดโมแครต, ไบเดนเป็นผู้แทนของพรรคชิงชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2563 แข่งกับดอนัลด์ ทรัมป์ โดยก่อนหน้านั้นเขาเคยเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐใน พ.ศ. 2531 และ พ.ศ. 2551 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
 
โจ ไบเดน เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1942 ในเมืองสแคนตัน รัฐเพนซิลวาเนีย พ่อแม่ของไบเดนอพยพครอบครัวไปอยู่ที่เดลาแวร์ตั้งแต่เขาอายุ 10 ขวบ ความลำบากของชีวิตวัยเด็กที่ปากกัดตีนถีบ ทำงานรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ หาเงิน ทำให้เขามีความอดทน มุมานะ และทะเยอทะนานต้องการให้ชีวิตดีขึ้น เขาสนใจการเมืองตั้งแต่เด็กโดยมีจอห์น เอฟ. เคนเนดี และริชาร์ด นิกสัน เป็นบุคคลต้นแบบ ไบเดนตัดสินใจเลือกเรียนทางด้านกฎหมายจนสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ และเริ่มการทำงานเป็นทนายความหลังเรียนจบ
การได้ทำงานคลุกคลีกับปัญหาของผู้คนที่เป็นลูกความ ทำให้โจ ไบเดน ยิ่งมุ่งมั่นสนใจงานการเมือง และนับตั้งแต่ปี 1973 เป็นต้นมา เขาก็ได้รับเลือกเป็นสภาชิกวุฒิสภาจากรัฐเดลาแวร์ และสามารถครองตำแหน่งมายาวนานถึง 36 ปี
 
อุบัติเหตุชีวิตและการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อม ๆกันถึงสองคนเกิดขึ้นหลังจากที่โจ ไบเดน ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาได้ไม่นาน ยังโชคดีที่เขาได้พี่สาวเข้าช่วยเหลือในการรับภาระเลี้ยงดูลูกชายกำพร้าแม่ทั้งสองคน กระทั่งหลายปีต่อมา ไบเดนได้พบกับ “จิลล์” ภรรยาคนปัจจุบัน เขาตัดสินใจแต่งงานใหม่อีกครั้ง แต่ก็ต้องเผชิญข่าวร้ายอีกครั้งเมื่อ “โบ” ลูกชายคนโต (จากภรรยาคนแรก) ล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งสมองและจากไปในวัยเพียง 40 กว่าปี เหตุการณ์ความสูญเสียครั้งนั้น ทำให้ไบเดนต้องถอนตัวออกจากการโหวตชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตที่จะลงสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2015
 
ในยุคของประธานาธิบดีบารัก โอบามา (ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2009 ถึง 2017)ไบเดนเคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี มีบทบาทเป็นที่จับตามองและเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการต่างประเทศที่โดดเด่นของเขา
 
โจ ไบเดน อาสาลงแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดี ด้วยเหตุผลที่ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์นั้น เป็นภัยอย่างยิ่งต่อสหรัฐอเมริกา หากยังครองตำแหน่งต่อไปอีก 4 ปี มีแต่จะทำให้ประเทศชาติต้องลำบากมากกว่าเก่า “ทรัมป์จะทำให้เอกลักษณ์ของชาติเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ผมไม่อาจทนดูหรือปล่อยให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด”
 
สื่อต่างประเทศชื่นชมว่า โจ ไบเดน นั้นเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ เป็นคนจริงจังกับการทำงาน ถ้อยทีถ้อยอาศัย สงบเสงี่ยม เป็นนักกฎหมายที่พึ่งพิงของชนชั้นล่าง ซึ่งเป็นบุคลิกที่แตกต่างสุดขั้วกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่แสนจะฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด และโผงผาง
 
 
ที่มา : Tnews
Visitors: 1,405,369