คนมีหนี้ต้องอัพเดท! เกณฑ์คิดดอกเบี้ย ผิดนัดชำระ รูปแบบใหม่จาก ธปท.

คนมี 'หนี้' ต้องอัพเดท! เกณฑ์คิด 'ดอกเบี้ย' ผิดนัดชำระ รูปแบบใหม่จาก ธปท.
 
ไม่รู้เสียประโยชน์! ลูกหนี้ต้องอัพเดท เกณฑ์การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ และอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ แบบใหม่จาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อช่วยลดหนี้เสีย และลดภาระหนี้ของประชาชน จ่อใช้ เม.ย. 64
 
 
อัพเดท! เกณฑ์คิด 'ดอกเบี้ย' ผิดนัดชำระ รูปแบบใหม่จาก ธปท. | กรุงเทพธุรกิจ
 
สถานการณ์ "โควิด-19" ที่ยังไม่รู้ตอนจบ ยังคงกระทบเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย และส่งผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนี่เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ "หนี้เสีย" เพิ่มขึ้น แม้แต่คนที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้มาก่อนนี้
 
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงพิจารณาปรับเกณฑ์การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้บนฐานของ "เงินต้นที่ผิดนัดจริง" พร้อมกำหนด "อัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้บวกไม่เกิน 3%" เพื่อลดหนี้เสีย และลดภาระหนี้ของประชาชนในกรณีที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" รวบรวม 3 เรื่องที่คนมีหนี้ควรรู้ และทำความเข้าใจในการวางแผนชำระหนี้ในช่วงวิกฤติแบบนี้ ประกอบด้วย
 
 
คำนวณดอกเบี้ยผิดชำระหนี้แบบใหม่
 
การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้บนฐานของ “เงินต้นที่ผิดนัดจริง” เท่านั้น ไม่ให้รวมส่วนของเงินต้นของค่างวดในอนาคตที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ต่างจากแนวปฏิบัติเดิมที่หากผิดนัดชำระหนี้เพียงงวดเดียว ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จากฐานเงินต้นคงค้างทั้งหมด ส่งผลให้มูลค่าดอกเบี้ยผิดนัดสูงมาก ซึ่งเกณฑ์ใหม่นี้จะทำให้การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และเกิดความเป็นธรรมกับประชาชนมากขึ้น
 
การกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่
 
การกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่ “อัตราดอกเบี้ยตามสัญญาบวกไม่เกิน 3%” เช่น ถ้าอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาคือ 8% ผู้ให้บริการทางการเงินจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ได้ไม่เกิน 11%
 
โดยต้องคำนึงถึงประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาด้วย ซึ่งต่างจากเดิมที่ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ได้เอง เช่น กำหนดตามอัตราดอกเบี้ยสูดสุดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ 15%
 
หรือบางกรณีสูงถึง 18% หรือ 22% ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ (affordability risk) ได้ ดังนั้น การปรับเกณฑ์ในครั้งนี้ จะช่วยให้ลูกหนี้พยายามจ่ายชำระหนี้ ลดโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ และยังช่วยให้ระบบการเงินมีความสมดุลมากขึ้น การฟ้องร้องดำเนินคดีจะลดลง
 
การกำหนดลำดับการตัดชำระหนี้แบบใหม่
 
การกำหนดลำดับการตัดชำระหนี้โดยให้ “ตัดค่างวดที่ค้างชำระนานที่สุดเป็นลำดับแรก” เพื่อให้ลูกหนี้ทราบลำดับการตัดชำระหนี้ที่ชัดเจน โดยเมื่อลูกหนี้ชำระหนี้ เงินที่จ่ายเข้ามาจะถูกนำไปจ่ายค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย และเงินต้นของงวดหนี้ที่ค้างชำระนานที่สุดก่อน
 
ต่างจากแนวทางเดิมที่เงินที่จ่ายเข้ามาจะถูกนำไปตัดค่าธรรมเนียมทั้งหมด ตามด้วยดอกเบี้ยทั้งหมด ก่อนนำเงินส่วนที่เหลือมาตัดเงินต้น ซึ่งการปรับเกณฑ์ใหม่นี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เงินงวดที่ลูกหนี้ผ่อนในแต่ละเดือนสามารถตัดถึงเงินต้นได้มากขึ้น ช่วยลดการเกิดหนี้ด้อยคุณภาพหรือ NPL รวมทั้งช่วยให้ลูกหนี้มีกำลังใจในการจ่ายชำระหนี้ต่อเนื่องและยังช่วยให้ประวัติการผ่อนชำระหนี้ของลูกหนี้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากขึ้น
 
ทั้งนี้ การกำหนดเกณฑ์การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ยกเว้นเรื่องลำดับการตัดชำระหนี้ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป เนื่องจากผู้ให้บริการทางการเงินต้องใช้เวลาในการปรับปรุงระบบงานที่เกี่ยวข้อง
 
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
Visitors: 1,405,370