กิ้งกือมังกรสีชมพู สิ่งมีชีวิตหายากที่มีสีสันสวยงามสะดุดตา และพบได้ในผืนป่าของประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลก
"กิ้งกือมังกรสีชมพู" สิ่งมีชีวิตหายากที่มีสีสันสวยงามสะดุดตา
และพบได้ในผืนป่าของประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลก
![]() กิ้งกือมังกรสีชมพู (ภาพจาก facebook ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)
ย้อนกลับไปในเดือน พ.ค. 2550 ที่บริเวณป่าเขาหินปูนแถบภาคกลางตอนบนต่อกับภาคเหนือตอนล่างของบ้านเรา สมาชิกในชมรมคนรักกิ้งกือได้สำรวจพบสัตว์ชนิดใหม่ของโลกที่มีลักษณะเหมือนกับกิ้งกือ แต่กลับมีสีชมพูสดใส
เขาจึงได้แจ้งเรื่องไปยัง ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา ซึ่งได้ศึกษาเจ้ากิ้งกือชนิดนี้เพิ่มเติมภายใต้โครงการวิจัยกิ้งกือและไส้เดือนดิน ร่วมกับ ศ.เฮนริค อิงฮอฟ (Henrik Enghoff) ผู้เชี่ยวชาญด้านกิ้งกือจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน
ทำให้ได้รู้ว่ามันเป็นกิ้งกือชนิดใหม่ของโลก จึงตั้งชื่อให้ว่า กิ้งกือมังกรสีชมพู (shocking pink millipede) และให้ชื่อวิทยาศาสตร์ Desmoxytes purpurosea โดยตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานการค้นพบนี้ในวารสารนานาชาติ Zootaxa ด้วย
![]() ภาพจาก facebook ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ต่อมาในวันที่ 23 พ.ค. 2551 International Institute for Species Exploration หรือสถาบันไอไอเอสอี (IISE) ของมหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศให้กิ้งกือมังกรสีชมพูเป็นสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของโลกเป็นอันดับที่ 3 รองจากปลากระเบนไฟฟ้าในแอฟริกา และฟอสซิลไดโนเสาร์ปากเป็ดอายุ 75 ล้านปี ในอเมริกา
กิ้งกือมังกรสีชมพู จัดอยู่ในวงศ์ (family) กิ้งกือมังกร (Paradoxosomatidae) ที่มีสีชมพูสดใส และยังมีปุ่มหนามคล้ายกับมังกรอีกด้วย
เมื่อโตเต็มวัยมันจะมีลำตัวยาวประมาณ 7 ซม. มี 20 - 40 ปล้อง และมีต่อมข้างลำตัวที่สามารถขับสารพิษพวกไซยาไนด์ออกมาเพื่อป้องกันตัวจากศัตรูธรรมชาติจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู
ในปัจจุบันเราสามารถพบเห็นกิ้งกือแสนสวยชนิดนี้ได้ที่บริเวณหุบป่าตาด ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี โดยมันอาจจะอยู่ตามข้างทาง พื้นดิน ใต้ต้นไม้ หรือตามแอ่งน้ำ
แต่มันจะออกมาให้เราได้ยลโฉมในช่วงเวลาหนึ่งของปีเท่านั้น ตั้งแต่เดือน พ.ค. - พ.ย. ของทุกปี ขึ้นอยู่กับความชุ่มชื้นของผืนป่า
![]() ภาพจาก facebook ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
กิ้งกือน่าจะเป็นสัตว์ลำดับต้น ๆ ที่หลายคนขยะแขยง แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศมาก เพราะช่วยพรวนดิน ย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ โดยทำงานร่วมกับจุลินทรีย์ที่อยู่ในตัว ซึ่งช่วยเปลี่ยนให้ซากพืชซากสัตว์เหล่านั้นกลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติให้กับต้นไม้ต่อไป
|