ทำไมคนไทยถึงเรียกชาวยุโรปว่า ฝรั่ง?
• ทำไมคนไทยถึงเรียกชาวยุโรปว่า "ฝรั่ง" ? ![]() เป็นคำถามที่มีใครหลายต่อหลายคนสงสัยมาอย่างเนิ่นนาน กับคำถามที่ว่าทำไมคนไทยถึงเรียกชาวยุโรปผิวขาวว่า "ฝรั่ง" ด้วย รวมไปถึงยังสงสัยอีกว่าฝรั่งซึ่งเป็นผลไม้ลูกสีเขียวนั้น มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคนฝรั่งหรือไม่? ![]() ลูกฝรั่ง หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "กัวว่า" (Guava)
ดังนั้นเพื่อคลายข้อสงสัยนี้ ขอนำทุกท่านย้อนเวลา เพื่อไปทำความรู้จักกับที่มาและที่ไปของคำว่า "ฝรั่ง" ผ่านประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับพันปี ถ้าพร้อมแล้วเชิญพบกับเรื่องราวสนุกๆ นี้ได้เลยครับ... หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก (Western Roman Empire) ซึ่งเป็นมหาอำนาจของยุโรปในช่วงปลายศตวรรษที่ 5 นั้น ก็ได้เกิดการก่อตั้งอาณาจักรของชนชาติใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ อาณาจักรของกลุ่มอารยชนเชื้อสายเจอร์มานิก (Germanic Tribes) ที่เรียกตัวเองว่า "ชาวแฟรงค์" (Frank) ![]() แผนที่แสดงอาณาจักรของชาวแฟรงค์ (สีส้ม) ในช่วงที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ช่วงศตวรรษที่ 8
ชาวแฟรงก์ เป็นกลุ่มชนเชื้อสายเจอร์มานิก ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่พูดภาษาตระกูลเยอรมันโบราณ ซึ่งภาษานี้จะมีอยู่ด้วยกันหลายสำเนียง โดยสำหรับชาวแฟรงค์นั้นจะพูดภาษาในสำเนียงตะวันตก (Western Germanic Languages) ซึ่งในเวลาต่อมาภาษาในสำเนียงนี้จะพัฒนากลายเป็น ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน รวมไปถึงภาษาดัตช์ เป็นต้น ![]() ชาวแฟรงค์ (Frank) ชนกลุ่มใหม่ที่ขึ้นมามีอำนาจในทวีปยุโรป ภายหลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน
นับแต่ศตวรรษที่ 6 เป็นต้นมา ชาวแฟรงค์ก็ได้เริ่มสร้างอาณาจักรของพวกเขาขึ้นมา อาณาจักรแฟรงค์รุ่งเรืองถึงขีดสุดในช่วงศตวรรษที่ 8 ภายใต้การนำของกษัตริย์นามว่า "ชาร์เลอมาญ" (Charlemagne) อาณาจักรของพวกเขาครอบคลุมดินแดนตั้งแต่ฝรั่งเศสจรดถึงเยอรมัน ![]() ชาร์เลอมาญ (Charlemagne) กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของชาวแฟรงค์
และด้วยความยิ่งใหญ่ของชาวแฟรงค์นี้เอง ก็ได้ทำให้บรรดาเชื้อชาติต่างๆ บริเวณรอบๆ ทวีปยุโรป ต่างเรียกขานชาวยุโรปผิวขาวในช่วงเวลานั้นว่า "แฟรงค์" นั้นเอง กาลเวลาผ่านไปจนถึงช่วงศตวรรษที่ 11 ก็ได้เกิดสงครามศาสนาครั้งใหญ่ซึ่งก็คือ "สงครามครูเสด" (Crusade War) ระหว่างชาวคริสต์กับชาวมุสลิม เพื่อแย่งชิงนครศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเล็ม (Jerusalem) สงครามนี้กินเวลายาวนานนับร้อยปี จนสิ้นสุดลงในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 ![]() สงครามครูเสด (ค.ศ.1096-1291) สงครามศาสนาระหว่างชาวคริสต์กับชาวมุสลิม เพื่อแย่งชิงนครเยรูซาเล็ม
โดยสำหรับชาวมุสลิมนั้น พวกเขาได้เรียกนักรบชาวคริสต์และชาวยุโรปผิวขาวว่า "พวกแฟรงค์" เช่นกัน แต่เรียกในภาษาอาหรับว่า "ฟรัง จิ" (Frank Ji) เมื่อสงครามครูเสดสิ้นสุดลง ชาวมุสลิมอาหรับก็ได้เดินทางค้าขายไปยังดินแดนต่างๆ ซึ่งพวกเขาก็ได้นำคำว่า "ฟรัง จิ" คำที่พวกเขาใช้เรียกคนยุโรปผิวขาว ติดสอยไปยังดินแดนที่พวกเขาทำการค้าขายอีกด้วย ![]() เรือขนส่งสินค้าของชาวอาหรับ ชาวอาหรับเป็นผู้ที่นำคำว่า "แฟรงค์" หรือ "ฟรัง จิ" ในภาษาอาหรับ ไปเผยแพร่ยังดินแดนต่างๆ
และเมื่อคำว่า "ฟรัง จิ" ของชาวอาหรับได้เผยแพร่ไปยังดินแดนต่างๆ แล้ว ก็ได้เกิดการผสมผสานทางภาษาในแต่ละท้องถิ่น จนเป็นคำที่คนในแต่ละท้องที่ใช้เรียกขานชาวยุโรปผิวขาวมากมายหลากหลายภาษา อาทิเช่น - ฟารัง (Farang) ในภาษาเปอร์เซีย - ฟิรานจิ (Firangji) ในภาษาฮินดู - บาลัง (Ba rang) ในภาษาเขมร - เปอรานจิ (Perantjis) ในภาษามลายู และสุดท้ายก็คือคำว่า "ฝรั่ง" ที่ถูกใช้ในภาษาไทยนั้นเอง และเมื่อคำว่า "ฝรั่ง" ของคนไทยถูกใช้เรียกแทนคนยุโรปผิวขาว ดังนั้นอะไรก็ตามที่เป็นของคนยุโรปผิวขาว คนไทยก็จะเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าฝรั่งเช่นกัน อาทิ - หมากของชาวยุโรป ก็เรียกว่า "หมากฝรั่ง" - ผักชีใบเขียวของชาวยุโรป ก็เรียกว่า "ผักชีฝรั่ง" - ผลมันของชาวยุโรป ก็เรียกว่า "มันฝรั่ง" และสุดท้าย ผลไม้ลูกสีเขียวที่ชาวยุโรปนำเข้ามาจากโปรตุเกส ก็เรียกว่า "ผลฝรั่ง" และทั้งหมดนี้ ก็คือประวัติความเป็นมาของคำว่า "ฝรั่ง" ในภาษาไทยนั้นเอง ซึ่งสรุปได้ว่าคำๆ นี้มีที่มาจากภาษาอาหรับว่า "ฟรัง จิ" ซึ่งเป็นคำที่ชาวอาหรับใช้เรียกชาวยุโรปผิวขาวนั้นเอง ![]() หมากฝรั่ง ,ผักชีฝรั่ง และผลฝรั่ง สิ่งของต่างๆ ที่คนไทยเรียกตามที่มาที่มาจากคนฝรั่ง
** ขอบคุณแหล่งอ้างอิงข้อมูล - หนังสือ ทำไมแฮมเบอร์เกอร์จึงไม่มีแฮม โดย นพ.ชัชพล เกียรติขจรธาดา - https://www.into-asia.com/thai_language/farang.php - https://en.m.wikipedia.org/wiki/Farang - https://www.knowphuket.com/thai_language/L32_farang-and-other-people.htm |